เบาหวาน โรคเรื้อรังที่ได้ชื่อว่าเป็น “ฆาตกรเงียบ” เพราะด้วยความร้ายกาจที่แฝงตัวอยู่ บางคนอาจคิดว่าเป็นแค่เพียงอาการปกติทั่วไป จึงปล่อยปละละเลย และไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรู้เท่าทันโรคนี้เท่าที่ควร ในบทความนี้จึงอยากจะมาสรุป 3 เหตุผล ว่าทำไมโรคเบาหวานอันตรายมากกว่าที่คิด เพื่อให้เกิดการตระหนักรู้ และหันมาใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น

 

3 เหตุผลที่แสดงให้เห็นว่า “เบาหวาน” เป็นโรคอันตรายที่ควรเฝ้าระวัง

เบาหวานเป็นโรคที่หลายคนอาจมองข้ามความร้ายแรงไป แต่แท้จริงแล้วเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้อย่างมากมาย ต่อไปนี้คือ 3 เหตุผลสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเบาหวานเป็นโรคอันตรายที่ควรเฝ้าระวัง 

1. น้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไปเป็นเวลานาน จะส่งผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต และโรคจอประสาทตาเสื่อม นอกจากนี้ ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่ร้ายแรง เพราะอาจทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้

2. เสี่ยงสูญเสียอวัยวะ

ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียอวัยวะสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเท้าและขา เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะทำให้เส้นประสาทและหลอดเลือดเสียหาย ส่งผลให้เกิดแผลที่รักษาได้ยาก และอาจลุกลามจนต้องตัดอวัยวะในที่สุด นอกจากนี้ ยังอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นจากภาวะจอประสาทตาเสื่อม หรือไตวายเรื้อรังที่อาจนำไปสู่การฟอกไตด้วย 

3. เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย

เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังต้องพึ่งพายาและการรักษาอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเคร่งครัด จนอาจเกิดความเครียด อีกทั้งหากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนจากอาการป่วยของโรคเบาหวานอีกด้วย

 

5 ภาวะแทรกซ้อนจากการเป็นโรคเบาหวาน

การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่ไม่ดีพอในผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ 5 ภาวะเหล่านี้

1. โรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและตายในที่สุด ส่งผลให้เกิดอาการอัมพาตหรือสูญเสียความสามารถในการทำงานของร่างกายบางส่วน ซึ่งภาวะแทรกซ้อนนี้พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งจะทำให้ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว จนเกิดการตีบหรืออุดตันได้ง่าย และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

2. โรคหลอดเลือดหัวใจ

โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากการผิดปกติของหลอดเลือดต่าง ๆ ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เนื่องจากผู้ป่วยมีภาวะหลอดเลือดแดงเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดการอักเสบจนปริแตก และทำให้มีลิ่มเลือดเข้าไปอุดตันได้ง่าย สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคนี้ จะสังเกตอาการได้ยาก เพราะผู้ป่วยเบาหวานจะมีปัญหาปลายประสาทรับความรู้สึกเสื่อมสภาพ ทำให้ต้องดูจากอาการอึดอัด แน่นลิ้นปี่ หน้ามืด วิงเวียน ตัวเย็น ใจสั่น ซึ่งเป็นอาการเตือนของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรืออาการหัวใจวายนั่นเอง

3. เส้นประสาทเสื่อม

ภาวะเส้นประสาทเสื่อมในผู้ป่วยโรคเบาหวาน เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเป็นเวลานาน จนทำลายเส้นประสาทส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการชา ปวด หรือรู้สึกเสียวแปลบ ๆ โดยเฉพาะที่มือและเท้า นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เกิดปัญหาในการย่อยอาหาร การเต้นของหัวใจ และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ที่ไม่ปกติ ทั้งอาการปัสสาวะตกค้าง ปัสสาวะไม่ออก รวมไปถึงอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศด้วย

4. เบาหวานขึ้นตา

เบาหวานขึ้นตาหรือภาวะจอประสาทตาเสื่อมจากเบาหวาน เป็นอาการอันตรายที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง โดยจะไปทำลายหลอดเลือดเล็ก ๆ ในจอประสาทตา ทำให้เกิดการรั่วซึมของของเหลวและเลือด ส่งผลให้การมองเห็นแย่ลงและอาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้  

5. ไตวาย

ไตวายในผู้ป่วยเบาหวานเกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงทำลายหน่วยกรองของไต ทำให้ไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากร่างกาย จนหน่วยไตเสื่อมสภาพ ส่งผลให้มีการรั่วของโปรตีนออกมาในปัสสาวะ ทำให้โปรตีนในเลือดต่ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไตวายในที่สุด

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างเคร่งครัดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปี และการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและชะลอการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้  

 

แนวทางการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

  • ควบคุมอาหาร บริโภคตามโภชนาการที่เหมาะสม
    • เลือกอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low Glycemic Index) เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียว และถั่วต่าง ๆ
    •  กินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล 
    • เสริมด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น เช่น วิตามินบี วิตามินดี และแมกนีเซียม
    • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลที่ผ่านการขัดสี  เช่น ข้าวขาว น้ำตาลทรายขาว น้ำหวาน
  • ออกกำลังกายเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด
    •   ออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ หรือว่ายน้ำ
    •   ทำกิจกรรมที่เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก
    •   ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน แบ่งเป็น 3-5 วันต่อสัปดาห์
    •   เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้น
    •   ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมออกกำลังกายใหม่ โดยเฉพาะหากมีภาวะแทรกซ้อน

ไม่อยากเสี่ยงชีวิตกับโรคเบาหวาน และโรคร้ายต่าง ๆ ที่มาจากการ “กิน” ต้องรีบปรับพฤติกรรมและเลือกกิน อาหารเพื่อสุขภาพให้เหมาะสม สำหรับใครที่ไม่รู้จะเริ่มปรับอย่างไร ที่ The Selection เรามีผลิตภัณฑ์อาหารและขนมเพื่อสุขภาพให้เลือกรับประทานมากมาย โดยผ่านการคัดสรรจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัย และสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว 

แหล่งข้อมูล

ช้อปสินค้าเพิ่มน้ำนมและบำรุงร่างกายอื่นๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

ดูทั้งหมด

เฉพาะสมาชิก LINE The Selection รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ Lavita, BREA, OWA และ Phymon

JOY RIDE บริการพาผู้สูงวัยไปหาหมอแทนครอบครัว

฿1,800.00

KIN ORIGIN REHAB CENTER โปรแกรมฝากดูแลผู้สูงอายุ

฿35,000.00

PLANTANIQ@ Moisturizing Shower Gel

฿359.00

PLANTANIQ@ Dishwashing Liquid

฿189.00

PATOM ORGANIC LIVING Lime & Lemongrass Cleansing Shower Gel Anti-Bacterial

฿390.00

PATOM ORGANIC LIVING Lime & Lemongrass Cleansing Shampoo Anti-Bacterial

฿390.00

TALON – Rebecca Lim’s by TALON รองเท้าสุขภาพ / รองเท้าสั่งตัดตามอาการ

฿3,490.00