6 เช็กลิสต์สำคัญ ! ที่ต้องเข้าใจก่อนดูแลผู้ป่วยติดเตียง

ญาติกำลังจัดการดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจ แต่ยังต้องเตรียมตัวในหลายด้าน ตั้งแต่การจัดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมไปจนถึงการเรียนรู้วิธีการดูแลอย่างถูกต้อง หากคุณต้องเริ่มต้นดูแลผู้ป่วยติดเตียง นี่คือ 6 เช็กลิสต์สำคัญที่คุณควรรู้เอาไว้ เพื่อให้การดูแลมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

ญาติกำลังจัดการดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน

1. สำรวจก่อนว่าผู้ป่วยติดเตียงอยู่ในกลุ่มใด

ก่อนเริ่มต้นวิธีดูแลผู้ป่วยติดเตียง ควรประเมินความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองของผู้ป่วยเสียก่อน เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมที่สุด อีกทั้งการแบ่งกลุ่มตามลักษณะอาการยังจะช่วยให้เข้าใจความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยได้ชัดเจนขึ้น

  • กลุ่มสีเขียว: ผู้ป่วยที่ยังสามารถช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วน เช่น สามารถเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย หรือรับประทานอาหารเองได้บางครั้ง ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจต้องการเพียงการช่วยเหลือเบื้องต้นและมีการกำกับดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยฝึกช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
  • กลุ่มสีเหลือง: ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย เช่น การลุกขึ้นนั่ง การเปลี่ยนท่า หรือการทำกิจวัตรประจำวันที่ต้องมีผู้ช่วยเหลือตลอดเวลา
  • กลุ่มสีแดง: ผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยและต้องการการดูแลอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การป้อนอาหารทางสาย การเคลื่อนย้าย และการดูแลระบบทางเดินหายใจ

จะเห็นได้ว่าการแยกกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง คือขั้นตอนเริ่มต้นที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์และวิธีการดูแลให้เหมาะสมกับผู้ป่วยได้

2. เตรียมอุปกรณ์พื้นฐานในการดูแล

การเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ถูกต้องยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ป่วย สำหรับตัวอย่างของใช้ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน ที่สามารถนำมาปรับใช้ มีดังนี้

  • เตียงผู้ป่วยไฟฟ้า : ช่วยให้การปรับท่านอนและการย้ายตัวผู้ป่วยง่ายขึ้น ลดแรงกดดันบนร่างกายและป้องกันแผลกดทับ
  • ที่นอนโฟมกันแผลกดทับ : ลดโอกาสการเกิดแผลกดทับ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ต้องนอนในท่าเดิมเป็นเวลานาน
  • เครื่องดูดเสมหะ : สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ช่วยลดโอกาสการเกิดการติดเชื้อในปอด

การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลผู้ป่วย แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจตามมา ดังนั้น ใครที่กำลังเริ่มต้นการดูแลผู้ป่วยติดเตียง อย่าลืมศึกษาเรื่องอุปกรณ์ที่สำคัญเอาไว้ เพื่อเลือกซื้อให้เหมาะกับการดูแล

3. วางแผนการดูแลกิจวัตรประจำวัน

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องอาศัยการวางแผนอย่างเป็นกิจวัตร และมีความเป็นระเบียบ อีกทั้งการวางแผนล่วงหน้ายังจะช่วยให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างรอบด้าน เช่น

  • การทำความสะอาดร่างกาย : ในขั้นตอนนี้จะช่วยลดการติดเชื้อ ทั้งยังเป็นการทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่น แต่ควรมีการกำหนดช่วงเวลาสำหรับการอาบน้ำหรือเช็ดตัวเอาไว้ เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลสามารถจัดสรรเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้คล่องตัวมากขึ้น
  • การให้อาหาร : การให้อาหารมักเป็นไปตามช่วงเวลา ทั้งเช้า กลางวัน และเย็น ซึ่งอาหารในการดูแลผู้ป่วยควรเลือกที่เหมาะสมกับสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละคนด้วย
  • การบริหารร่างกาย : การจัดตารางบริหารร่างกายให้แก่ผู้ป่วย มีส่วนช่วยฟื้นฟูร่างกายในด้านต่าง ๆ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ จะช่วยลดการยึดติดของกล้ามเนื้อของผู้ป่วย
  • การจัดการแผลกดทับ : ควรตรวจสอบสภาพผิวหนังผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ และใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม

4. เรียนรู้เทคนิคการดูแลจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ

เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยติดเตียงเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย ควรเรียนรู้เทคนิคเฉพาะทางจากผู้เชี่ยวชาญ ที่สำคัญการมีความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการดูแล

  • การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย : ใช้เทคนิคที่ช่วยลดแรงต้านและป้องกันการบาดเจ็บทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล
  • การป้อนอาหารทางสายยาง : เรียนรู้วิธีการทำอย่างถูกต้อง รวมถึงการดูแลระบบทางเดินอาหารเพื่อลดปัญหาแทรกซ้อน
  • การดูแลระบบทางเดินหายใจ : เทคนิคการดูดเสมหะหรือการช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ป่วยหายใจติดขัด

5. ประสานงานกับทีมแพทย์อย่างต่อเนื่อง

ผู้ช่วยพยาบาลกำลังดูแลผู้ป่วยติดเตียงที่บ้าน

ทีมแพทย์มีบทบาทสำคัญต่อการดูแลผู้ป่วยติดเตียงให้เป็นไปอย่างราบรื่น เพราะฉะนั้น ผู้ดูแลควรติดต่อประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง

  • การตรวจสุขภาพประจำ : ช่วยตรวจสอบภาวะสุขภาพและป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
  • การปรึกษาเรื่องการใช้ยา : ตรวจสอบปริมาณและผลข้างเคียงของยาเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ
  • การวางแผนการรักษา : การมีแผนรักษาที่ชัดเจนจะช่วยลดความสับสนและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ดูแล

6. การดูแลสุขภาพจิตของทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงอาจทำให้เกิดความเครียดทั้งต่อตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล การใส่ใจเรื่องสุขภาพจิตจะช่วยสร้างความสมดุล ทั้งยังส่งผลดีต่อการดูแลผู้ป่วยในแต่ละวัน โดยสามารถทำได้หลากหลายวิธี เช่น

  • การพูดคุยสร้างกำลังใจ : การให้กำลังใจและการพูดคุยที่ดีจะช่วยเสริมความมั่นใจให้ผู้ป่วย
  • การลดความเครียดของผู้ดูแล : หาเวลาพักผ่อน อาจขอความช่วยเหลือจากครอบครัว หรือผู้ดูแลคนอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเหนื่อยล้าจากการดูแล
  • การเข้ากลุ่มสนับสนุน : การเข้าร่วมกลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วย เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และรับคำแนะนำในด้านที่เป็นประโยชน์ ที่สามารถนำมาปรับใช้กับการดูแลผู้ป่วยได้

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงมีความซับซ้อน ต้องอาศัยทั้งความรู้ ความอดทน และการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญและคนรอบข้าง เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและผู้ป่วยได้รับความสบายใจสูงสุด

หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์และของใช้ดูแลผู้ป่วยที่บ้านคุณภาพสูง เช่น เตียงผู้ป่วยไฟฟ้าและที่นอนกันแผลกดทับ สามารถเลือกซื้อได้ที่ The Selection แพลตฟอร์มสำหรับคนยุคใหม่ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ พร้อมมีดีลส่วนลดพิเศษที่ช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ครบถ้วนในราคาที่คุ้มค่า สนใจดูข้อมูลสินค้าหรือสั่งซื้อของใช้ผู้ป่วยติดเตียงได้เลยที่ https://www.theselectionth.com/shop/

 

แหล่งข้อมูล

Love Family: สูตร 10-20-30 เซ็ตเวลาคุณภาพต้อนรับปิดเทอม เพิ่มความสุขทั้งครอบครัว

ช่วงปิดเทอมใหญ่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กๆ เพราะจะได้ผ่อนคลายจากการเรียนมาตลอดหลายเดือน

และนี่คือโอกาสในการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ใหม่ ที่มากกว่าการอยู่บ้านดูการ์ตูน หรือนั่งเล่นเกมบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

The Selection ฉบับนี้ ขอแนะนำแนวทางเสริมสร้างทักษะให้กับเด็กๆ ได้ปลดปล่อยจินตนาการ

เติมเต็มความฝันและความคิดสร้างสรรค์  มีเรื่องไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในช่วงเปิดเทอมขึ้นชั้นเรียนใหม่

การทำกิจกรรมหรือการชวนลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นภายในบ้านหรือนอกบ้าน ก็เป็นตัวช่วยกระตุ้นพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี  อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ครอบครัวได้ใช้เวลาคุณภาพ เกิดความอบอุ่นภายในครอบครัว พ่อแม่ลูกมีความผูกพันจากประสบการณ์ที่ทำร่วมกัน การไปเที่ยวและเรียนรู้นอกบ้าน ทำให้ได้พบเจอสถานที่ใหม่ๆ การพบปะเด็กจากครอบครัวอื่นและได้พูดคุย มีปฏิสัมพันธ์ สื่อสารด้วยการเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน จะช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกการเข้าสังคม เรียนรู้การปรับตัวอย่างเป็นธรรมชาติ  รู้จักการรอคอย แบ่งปัน สร้างกติการ่วมกัน ที่สำคัญคือ สร้างภูมิคุ้มกันทางกายและมีสุขภาพที่แข็งแรง รู้อย่างนี้แล้ว อย่ารอช้า รีบไปหากิจกรรมสนุกๆ ทำกันเถอะ!

 Note: องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า เด็กควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง-หนัก (เคลื่อนไหวต่อเนื่อง ชีพจรเต้น 120-150 ครั้ง) อย่างน้อย 60 นาทีทุกวัน

ช่วงปิดเทอมใหญ่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กๆ