All You Can Be ที่สุดของการดูแลสุขภาพ สู่การมีสุขภาพดียกระดับ

ร่างกายและอวัยวะของเราทำงานอยู่ตลอดเวลา เมื่ออายุมากขึ้นย่อมเสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆ สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้สภาวะร่างกายก่อนเกิดความเจ็บป่วย คือ การตรวจสุขภาพซึ่งจะช่วยให้เรารับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรู้จักดูแลตัวเองให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์  The Selection ขอแนะนำโปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Be จากเครือโรงพยาบาลพญาไท ด้วยการตรวจโดยเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นสูงที่ทำให้เราสามารถตรวจสุขภาพแบบองค์รวมซึ่งลงลึกถึงระดับยีนได้พิเศษกว่าการตรวจสุขภาพทั่วไปที่เปลี่ยนจากการตรวจเพื่อรักษาเป็นการป้องกัน เพื่อการมีสุขภาพที่เหนือระดับให้เรามีชีวิตดีแบบไม่มีที่สิ้นสุด

Beyond Health Excellence ไขความลับ รู้จักร่างกายลงลึกถึงระดับ DNA

  • ระดับวิตามิน เกลือแร่ สารอนุมูลอิสระ และสารต้านอนุมูลอิสระ
  • สารพิษและโลหะหนักในร่างกาย
  • ระดับฮอร์โมน
  • ตรวจ DNA ในเชิงลึก

โปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Be แตกต่างจากการตรวจสุขภาพทั่วไป โดยจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับ DNA เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้ม ความเสี่ยงในการเกิดโรค, ความเสี่ยงต่อสภาพพันธุกรรมและความสามารถในการตอบสนองต่อการรักษา เพื่อหาแนวทางการรักษาให้เหมาะสมได้ อย่างถูกต้องและตรงจุดที่สุด สู่การมีสุขภาพดีในระยะยาว

เช็กทุกมิติการดูแลร่างกาย

  • Basic Checkup รายการตรวจพื้นฐาน
  • Advance Checkup รายการตรวจเฉพาะทาง
  • Advance Anti-Aging รายการตรวจเพื่อดูแลและฟื้นฟูสุขภาพ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ และอวัยวะ

แนวทางการดูแลสุขภาพในรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการมีชีวิตที่ยืนยาว
  • ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีโรคประจำตัวหรือมีประวัติโรคร้ายแรง
  • ผู้ที่กำลังวางแผนมีบุตร เพื่อคัดกรองโรคทางพันธุกรรม
  • ผู้มีประวัติแพ้ยา หรือมีโอกาสเสี่ยงแพ้ยาบางชนิด
  • บุคคลทั่วไปที่ต้องการทราบข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียดและ
    ความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ

เตรียมพร้อมก่อนตรวจ

  • การเจาะเลือด งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง สามารถจิบน้ำเปล่าได้เล็กน้อย
  • การ Swab เพื่อเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อบริเวณกระพุ้งแก้ม งดอาหารและเครื่องดื่ม 1-2 ชั่วโมง

ยกระดับทุกมิติ เพื่อการมีชีวิตที่ดีแบบไม่สิ้นสุด กับโปรแกรมตรวจสุขภาพ All You Can Be โทร. 1772

• โรงพยาบาลพญาไท 1, 2 และ 3
• โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน
• โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

จำหน่ายตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2567

รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก

ADDWISE เข้าใจสุขภาพคุณมากขึ้น ดูแลสุขภาพคุณง่ายขึ้น

ปัจจุบันโรงพยาบาลพญาไท มีเทคโนโลยีทางการแพทย์อย่างโปรแกรม ADDWISE ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของคลินิกต่าง ๆ ด้วยความตั้งใจของโรงพยาบาลในการสร้างฐานข้อมูลสุขภาพแบบองค์รวมภายในโรงพยาบาล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกเหนือจากให้บริการการรักษาและจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยที่นัดหมายแพทย์ตามปกติ เพื่อเป็นตัวช่วยประเมินความเสี่ยงโรคในเชิงลึกผ่านระบบ A.I.

Risk Analysis ประเมินความเสี่ยงโรค

โรงพยาบาลนำข้อมูลของผู้ป่วยย้อนหลัง 5 ปี นำมาประมวลผลผ่านโปรแกรม ADDWISE โดยจะแสดงประวัติส่วนตัว สภาวะสุขภาพ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ผลการตรวจวัดสัญญาณชีพและผลจากห้องปฏิบัติการ ซึ่งระบบจะแสดงข้อมูลการตรวจล่าสุด ประเมินเป็นข้อมูลต่าง ๆ ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์

Doctor Recommendations แนะนำรายการตรวจโรค ผสานกับเทคโนโลยี A.I.

โปรแกรม ADDWISE จะประเมินความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs ที่พบได้บ่อย คือ โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงว่ามีความเสี่ยงอยู่ในระดับใด โดยวิเคราะห์จากประวัติและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่งระบบ A.I. จะแนะนำรายการตรวจเพิ่มเติม พร้อมระบุเหตุผลและรายละเอียด แสดงผลให้แพทย์รับทราบเพื่อวินิจฉัยต่อไป

โปรแกรมที่แนะนำสำหรับการตรวจเพิ่มเติม
โดยระบบ A.I. จะเรียงลำดับตามความสำคัญแบบเฉพาะบุคคล

  • CIMT (Carotid intima media thickness) การตรวจการตีบตันของหลอดเลือดแดงที่คอ
  • CXR (Chest X-ray) การเอกซเรย์ปอด
  • ECHO (Echocardiogram) การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง
  • EKG (Electrocardiogram) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • OCT (Optical Coherence Tomography) การตรวจวิเคราะห์ขั้วประสาทตา
  • ABI (Ankle-Brachial Index) การตรวจวัดความแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
  • TCD (Transcranial Doppler Ultrasound) การตรวจการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดแดงในสมอง
  • EST (Exercise Stress Test) การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย
  • CAC (Coronary Artery Calcium Score) การตรวจหาคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ

Health Report สรุปผล เพื่อติดตามสภาวะสุขภาพ

ผู้ป่วยหรือผู้มารับบริการสามารถดูรายงานประเมินความเสี่ยงสุขภาพของตนเอง โปรแกรมจะสรุปผลสภาวะสุขภาพและความเสี่ยงโรค อธิบายเนื้อหาแบบเข้าใจง่าย โดยแผนกตรวจจะพิมพ์เอกสารรายงานมอบให้ผู้ป่วย หรือเพียงสแกน QR CODE ก็สามารถอ่านผลได้ทันทีบนสมาร์ทโฟน

ADDWISE ช่วยพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษา

  • DOCTOR: Quality Of Diagnosis ลดเวลาการจดบันทึกประวัติผู้ป่วย
    แสดงผลตรวจได้ครอบคลุม รู้ปัจจัยเสี่ยงโรคได้ตรงจุด
  • PATIENT: Quality Of Care Plan รับทราบข้อมูลสภาวะสุขภาพ ประวัติการตรวจรักษาแบบอัปเดต
  • NURSE: Quality Of Screening ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวก
    ให้ผู้ป่วยได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • IT & MARKETING: Quality Of Information นำข้อมูลมาพัฒนา
    การให้บริการลูกค้าเพื่อให้ได้รับความพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
          โปรแกรม ADDWISE เริ่มระบบการใช้งานมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 โดยนำร่องใช้งาน ในคลินิกอายุกรรรม คลินิกตรวจสุขภาพ ศูนย์หัวใจ ศูนย์เบาหวานและศูนย์ศัลยกรรมของโรงพยาบาล พญาไท 2 และโรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ซึ่งภายในปีนี้มีแผนพัฒนาโปรแกรมให้สามารถประเมินความเสี่ยงโรคอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงขยายใช้งานภายในโรงพยาบาลในเครือพญาไท-เปาโลสาขาอื่น ๆ  ซึ่งคัดกรองสุขภาพผู้ป่วยมาแล้วกว่า 1,000 คน โดยส่วนใหญ่โปรแกรมจะแนะนำให้ตรวจ ECHO, EKG และ EST เพิ่มเติม
          แม้โปรแกรม ADDWISE จะไม่ใช่การตรวจวินิจฉัยโรคโดยตรง แต่มีส่วนช่วยในการแจ้งเตือนความเสี่ยงโรคและส่งต่อผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในแผนกต่าง ๆ เพื่อตรวจสุขภาพเชิงลึกและคอยเฝ้าระวังก่อนพบภาวะรุนแรงของโรคได้เป็นอย่างดี
          หากมีความประสงค์รับทราบผลประเมินความเสี่ยงสุขภาพจากโปรแกรม ADDWISE สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ณ คลินิกที่รับบริการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Phyathai Call Center 1772

Trend Update: Medical Innovation นวัตกรรมใน รพ. เพื่อสุขภาวะที่ดีในอนาคต

Never Pressure Injuries (NPI) ระบบควบคุมแรงกดเฉพาะบุคคลแบบอัตโนมัติ

    นวัตกรรมที่ช่วยลดการเกิดแผลกดทับของผู้ป่วยที่นอนติดเตียงเป็นเวลานานด้วยการผนวกเอาเทคโนโลยีและ AI มาใช้เพื่อควบคุมแรงกด

เฉพาะบุคคลแบบอัตโนมัติสำหรับป้องกันการเกิดแผลกดทับ วัดแรงกดตำแหน่งของร่างกายที่สัมผัสที่นอน จัดการลด-กระจายแรงกด

ด้วยความตั้งใจในความต้องการแก้ปัญหาภาวะแผลกดทับของผู้ป่วยในห้อง ICU จึงเกิดเป็นการพัฒนาร่วมกัน

ระหว่างฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลพญาไท 3, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และบริษัท เฟมเม เวิร์ค จำกัด (KMUTT Spin-off)

หลักการทำงานคือ เตียงจะปรับอัตโนมัติด้วยระบบเซนเซอร์ ตรวจจับรูปแบบการนอน วัดแรงกดทับได้แบบ Real Time ปรับเปลี่ยนแรงดัน

ให้สอดคล้องกับสรีระ ส่วนสูง น้ำหนักของผู้ป่วย สามารถควบคุมผ่าน Application หากนอนอยู่ในท่าที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ

ระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ป่วย พยาบาลหรือผู้ดูแลทันที ช่วยให้ผู้ป่วยพักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง

เพิ่มความสะดวกและลดภาระแก่ผู้ดูแล รวมถึงช่วยประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้ากว่าที่นอนทั่วไป

และลดปริมาณขยะติดเชื้อจากการทำแผลกดทับอีกด้วย

รางวัลที่เคยได้รับ

• ชนะเลิศ IMEDBOT 2021 Innovation Contest จัดโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน)
• ชนะเลิศ TCELS x RISE Accelerator: Innovative Solutions for the Next Generation of Medical AI ประเภท Track A Early Stage Startup จัดโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) และ RISE Accelerator
• ชนะเลิศ BDMS Award 2022 ประเภท Smart Healthcare จัดโดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)

• ควบคุมแรงกด เพื่อป้องกันแผลกดทับ
• ช่วยยืดระยะการพลิกตัว
• ดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล
• เพิ่มคุณภาพและความสุขสบายในการนอน
• ผู้ป่วยพักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องพลิกตัวบ่อย

คลิก https://www.facebook.com/NeverPressureInjury

__________

นวัตกรรม NANO PATCH โซลูชั่นใหม่ในการระงับปวดเพื่อข้อเข่า

     การกินยาแก้ปวด แก้อักเสบหรือได้รับสเตียรอยด์ หากใช้เป็นประจำย่อมส่งผลต่อตับและไตได้ จึงได้มีการคิดค้นนวัตกรรมแผ่นแปะที่ช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบและปวดข้อเข่า ด้วยเทคนิคการใช้เข็มจิ๋ว (Nano Patch) ที่มีความลึกเพียง 600 micron จำนวนหลายร้อยเข็ม สามารถบรรจุยาหรือสารออกฤทธิ์ไว้ภายใน ทำหน้าที่แทนเข็มฉีดยาขนาดใหญ่แต่ไม่ลงลึกถึงเส้นประสาท ซึ่งเป็นความลึกที่มากพอ ในการนำพาตัวยา ให้ผ่านผิวหนัง   ลงไปหล่อเลี้ยงที่ข้อเข่าในบริเวณที่ปวดได้  โดยตัวยาจะยังคงออกฤทธิ์ ได้นานต่อเนื่องไปอีก 1 เดือน ด้วยการซึมซาบลงผิวหนังมุ่งตรงสู่บริเวณข้อเข่าที่มีอาการปวดโดยตรงอย่างปลอดภัย

     Nano Patch ออกแบบการใช้งานเพื่อรักษาและฟื้นฟูอาการบาดเจ็บข้อเข่าจากการเล่นกีฬาหรือโรคข้อเข่าเสื่อม รวมถึงผู้ที่กลัวเข็มและกรณีแพ้ยาสเตียรอยด์ ขณะที่แปะผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บและสามารถดึงแผ่นแปะออกเองได้ที่บ้านเมื่อผ่าน 3 ชั่วโมงไปแล้ว เมื่อดึงออกอาจมีเพียงรอยแดง     เล็ก ๆ เท่านั้น โดยสามารถงอหรือกางเข่า ลุก นั่ง นอนได้ตามปกติ ทั้งนี้ การรักษาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

• ไม่ฉีดยา ไม่ต้องทานยา ระงับปวดได้ในครั้งแรก*
• ตัวยาอยู่นานสูงสุด 1 เดือน
• ปลอดภัย ตัวยารักษาตรงจุดที่ปวด ไม่รบกวนหัวใจและไต
• เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาอาการปวดข้อเข่า

*หมายเหตุ: ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล

สนใจติดต่อได้ที่ โทร 1772 หรือ www.phyathai.com

__________

Carrier Fabric ผ้าอุ้มพยุงผู้ป่วย

นวัตกรรมที่ริเริ่มมาจากความคิดที่จะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด

ผ่านการทดสอบจากห้องปฏิบัติการทางวิศวกรรมศาสตร์ ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม

กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่น จาก Design Excellence Awards 2023

• ลดโอกาสการบาดเจ็บระหว่างเคลื่อนย้ายในระยะสั้น

• แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ 300 กิโลกรัม

• ทำความสะอาดง่ายด้วยเครื่องซักผ้าทั่วไป

• รองด้วยผ้าอ้อมได้

การใช้งานผ้าอุ้มพยุง

1. วางผ้าอุ้มพยุงให้ผู้ป่วยรองนั่งตลอดเวลา

2.  เมื่อต้องการเคลื่อนย้าย ให้ใช้คนยก 2 คน จับหูหิ้วของผ้าคนละ 2 ข้าง

3. ออกแรงยกยกขึ้นพร้อมกัน เมื่อถึงที่หมายให้วางผู้ป่วยลงอย่างระมัดระวัง

        ผ้าอุ้มพยุง เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายในระยะทางสั้น ๆ กับกลุ่มผู้ป่วย ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมาก หรือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น ผู้ป่วยอัมพาต อัมพฤกษ์  ผู้บาดเจ็บ คนพิการหรือทุพพลภาพ ช่วยลดการบาดเจ็บจากการเสียดสี การกระแทกระหว่างการเคลื่อนย้าย       โดยเฉพาะการเคลื่อนย้าย ช่วยผ่อนแรงและลดอาการปวดล้าการยกพยุงผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี

ราคา 6,930.39 บาท (รวมภาษี)

สนใจติดต่อได้ที่ โทร 063-078-2621  หรือ Email: [email protected]

Trend Update: Health Mega Trend ‘Wellness Business’ เทรนด์โลกปรับ รับสุขภาพดี

สินค้าและบริการเกี่ยวกับสุขภาพเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นหลังจากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาด COVID-19

ผู้คนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น กลุ่มธุรกิจประเภท Wellness Business

ซึ่งการผลิตสินค้าและการบริการเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกาย-ใจให้มีความเป็นอยู่ที่ดี ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ปรับไลฟ์สไตล์

เพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยืนยาว จึงเป็นที่น่าจับตามองในโลกยุคนี้

ถือได้ว่าเป็น Health Mega Trend ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มธุรกิจเชิงสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มการเติบโตได้สูงในประเทศไทยซึ่งกำลังพัฒนาสู่การเป็น Medical Hub แห่งใหม่ของโลก ด้วยความพร้อมของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ  เน้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการหากิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพระหว่างพักผ่อน เช่น การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยหรือศัลยกรรมความงาม บริการนวดหรือสปาบำบัดภายในโรงแรม โปรแกรมตรวจสุขภาพโดยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อการวางแผนดูแลสุขภาพแบบเฉพาะรายบุคคล

สุขภาพดี เริ่มต้นที่วัตถุดิบ กลุ่มสินค้าประเภทอาหารจึงคำนึงถึงพฤติกรรมและความต้องการมีโภชนาการที่ดีของผู้บริโภคเป็นหลัก เช่น ผลิตจากพืช Organic, Probiotic, Prebiotic , Non-GMO, Non-Alcohol, Low fat, Low Sugar หรือ Low Sodium  ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มโปรตีน รวมถึงตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินที่กำลังเติบโต ตอบโจทย์การให้ความสดชื่นไปพร้อมกับได้สุขภาพ  แยกย่อยเป็นการใส่วิตามินชนิดต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี ช่วยระบบเผาผลาญ หรือทำให้ผิวพรรณสดใส เอาใจกลุ่มรักสุขภาพที่มีความต้องการต่างกัน

สุขภาพของจิตใจเป็นหนึ่งธุรกิจที่ได้มีความน่าสนใจ คนแสวงหาความสบายใจและต้องการความผ่อนคลายจากความเครียด วิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ภาวะหมดไฟในการทำงาน สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การดูแลสุขภาพจิตและจัดการทางอารมณ์จึงเข้ามามีบทบาท เพื่อช่วยส่งเสริม    การบำบัด ทางอารมณ์ เช่น  Application บริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิต ทั้งในรูปแบบเพื่อนคุยและแบบให้การรักษา, คอร์สฝึกการหายใจ ฝึกสมาธิ, คอร์สเรียนรู้การใช้ชีวิตและรู้เท่าทันอารมณ์, Gadget ติดตามสภาวะอารมณ์และบำบัดความเครียด ฯลฯ

ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยโดยสมบูรณ์ มีประชากรที่อายุ 60 ปีขึ้นมากกว่า 20% ของคนทั้งประเทศ การผลิตสินค้าและอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีความสะดวกสบายมากขึ้น น่าจะเป็นทางเลือกใหม่ๆ ให้กับผู้สูงวัยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  ตัวอย่างเช่น รองเท้าหรือสเปรย์กันลื่น, ช้อนตรวจจับ   การสั่นสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสัน, อาหารชนิดนิ่มสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการกลืน, Application เตือนกินยาให้ตรงเวลา หรือบริการรับ-ส่งไป รพ. เพื่อพบแพทย์ตามนัด นวัตกรรมทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกมั่นใจและสบายใจในการชีวิตประจำวัน สร้างคุณค่าของการมีชีวิตอยู่กับคนในครอบครัวได้อีกยาวนาน

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • 8 นวัตกรรม ตัวช่วยผู้สูงวัยใช้ชีวิตบั้นปลายได้ง่ายขึ้น โดย สสส.
  • Thaiand urged to focus on wellness by Bangkok Post
  • Wellness Tourism Cluster เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดย innovestxonline

Workshop แบบไหน ใช่สำหรับเรา Healthy Living Habits เพิ่มทักษะ สร้างความสุข

Workshop และคอร์สอบรมน่าจะเป็นงานอดิเรกที่ดีในวันว่างสุดสัปดาห์ หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศการพักผ่อนให้มีสีสัน

ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เปิดประสบการณ์ที่ไม่เคยลองทำ ส่วนใหญ่จัดให้มีรูปแบบที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับคนไลฟ์สไตล์ต่างๆ

ใครยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าอยากทำกิจกรรมอะไร

ลองมาสำรวจตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนประเภทไหน เหมาะกับ Workshop แนวใดกันก่อน

ประเภท Workshop ที่แนะนำ ปลูกต้นไม้, จัดสวนจิ๋ว, ถ่ายภาพ, งานศิลปะ, ทำอาหาร, คอร์สพัฒนาจิตใจ

คนที่รักความสงบมักเป็นคนที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการได้ดี ชอบการวางแผน

เป็นขั้นตอน รักความเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนเริ่มต้นงานใดๆ มักสืบหาข้อมูลก่อน

เป็นคนรักสันโดษจะรู้สึกวิตกกังวล ถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย หากได้พัฒนาทักษะ

ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ รู้สึกผ่อนคลาย เชื่อได้เลยว่าจะ

                                                                                  สามารถสร้างผลงานที่บ่งบอกความเป็นตัวตนและ มีความโดดเด่นได้อย่างแน่นอน

ประเภท Workshop ที่แนะนำ เรียนการแสดง, เรียนร้องเพลง, คอร์สเสริมบุคลิกภาพ, การเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

บุคลิกของคนประเภทนี้จุดเด่นคือ มีความมั่นใจในความคิดของตัวเองสูง

กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ชอบการแข่งขัน

มองดูภายนอกอาจเหมือนคนใจร้อน แต่จริงๆ เป็นคนที่ชอบลงมือทำและต้องเห็นผลลัพธ์ทันที

เหมาะกับการเรียนรที่ได้ใช้การแสดงความสามารถ การต่อยอดด้านการตลาด การพบปะผู้คน

ประเภท Workshop ที่แนะนำ ค่ายพัฒนาตนเอง, คอร์สออกกำลังกาย, ชงกาแฟหรือเครื่องดื่ม, ทำเบเกอรี, กิจกรรมเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

ข้อดีของของคนที่มีบุคลิกสบายๆ คือ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ทำความรู้จักกับผู้อื่นได้รวดเร็ว     ปรับตัวได้ตามสถานการณ์ เหมาะกับกิจกรรมที่ได้พบปะพูดคุย มีบรรยากาศแห่งความสนุกสนาน การทำงานเป็นทีมหรือระดมความคิด การแลกเปลี่ยนมุมมองซึ่งกันและกัน              มีผลงานจากการร่วมกิจกรรมกลับไปเป็นของที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมีประสบการณ์นี้             เพื่อให้มีเรื่องราวประทับใจเล่าให้ผู้อื่นฟัง

ประเภท Workshop ที่แนะนำ ค่ายพัฒนาตนเอง, คอร์สออกกำลังกาย, ชงกาแฟหรือเครื่องดื่ม, ทำเบเกอรี, กิจกรรมเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง

คนสไตล์นี้เป็นผู้ที่มีความละเอียดอ่อนในจิตใจ มีความอ่อนโยน เป็นคนที่มีความทุ่มเทให้กับเรื่องที่สนใจ

ได้แบบยาวๆ มักคิดละเอียดถี่ถ้วน ทำสิ่งต่างๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป จนบางครั้งกลายเป็นคนคิดมาก

ไม่ชอบอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้งหรือการถูกวิพากษ์วิจารณ์ เหมาะกับ Workshop ที่ใช้สมาธิ

หรือการคิดไอเดียใหม่ๆ แบบไม่เร่งรีบ สบายๆ เพื่อควบคุมอารมณ์เครียดและความอ่อนไหวภายในตัวเอง

เมื่อเรารู้ว่าไลฟ์สไตล์ของเรา เหมาะกับกิจกรรมประเภทไหนแล้ว วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ลองหา Workshop สนุกๆ

ค้นหาประสบการณ์นอกบ้าน ลองเลือกจากสิ่งที่เราถนัดหรือสิ่งที่เราไม่เคยทำมาก่อนก็ได้

นอกจากจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ยังช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นนักพัฒนาตัวเอง

เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าตัวเรามีศักยภาพทำอะไรมากมายได้มากกว่าที่เราคิด

________________ 

The Selection ขอแนะนำกิจกรรมน่าสนใจ

และ Package บริการเพื่อสุขภาพ พร้อมส่วนลดพิเศษ เฉพาะคุณ

คลิก https://bit.ly/TheSelectionTHActivities

เรียบเรียงจาก

  • บทความ ส่องคลาส Workshop น่าสนใจ ที่เหมาะกับคนไทป์คุณ เว็บไซต์ teachpot
  • 4 Personality Types and the Careers They Suit เว็บไซต์ mycareersfuture
  • Finding a career that suits your personality, not just your skill set By Grace Jennings-Edquist

Trend Update: เตรียมพร้อม Back to School! เฝ้าระวังโรคยอดฮิตช่วงเด็กเปิดเทอม

เปิดเทอมใหม่ไปเล่นสนุกที่โรงเรียนกับเพื่อนได้ไม่กี่วัน ลูกมีอาการป่วยกลับมา บางครั้งเด็กๆ อยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก

คลุกคลีทั้งเรียนและเล่นอยู่ด้วยกัน อาจติดหวัดจากเพื่อนร่วมชั้น The Selection ชวนคุณพ่อคุณแม่ ลองมาสำรวจโรคยอดฮิตช่วงปิดเทอม

หากเป็นแล้วมีอาการอะไรบ้างหมั่นสังเกตความผิดปกติของลูกน้อยจะได้เตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที

  • สาเหตุ   สัมผัสสารคัดหลั่ง ไอจามใส่กันและน้ำจากตุ่มใส หรือติดมากับสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งมีเชื้อ EV 71 และ Coxsackie virus A มีระยะฟักตัว 3-6 วัน

  • อาการ  มีไข้สูง 39 °C เกิน 2 วัน , มีตุ่มแดงที่เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก, มีผื่นหรือตุ่มที่นิ้วมือ     ฝ่ามือ ฝ่าเท้า  อาจพบที่ก้นหรือแขนและขา

  • การรักษา ยังไม่มียารักษา เป็นการรักษาตามอาการ หากไม่รุนแรง จะหายเองใน 7-10 วัน

  • ข้อแนะนำ  ระหว่างเล่นอย่าเอามือสัมผัสหน้าหรือเอาของเข้าปาก ล้างมือทุกครั้งหลังเล่นเสร็จและก่อนกินอาหาร หลีกเลี่ยงการพาไปสถานที่เสี่ยงเมื่อมีการระบาด

  • สาเหตุ  ยุงลายเป็นพาหะ โดยดูดเลือดและนำไวรัส Dengue มาสู่คน

  • อาการ  ไข้เลือดออกมีความแตกต่างจากไข้ชนิดอื่น คือจะไม่พบอาการของระบบทางเดินหายใจ โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ
    1. ระยะไข้สูง 38-40 °C ใน 2-7 วัน หน้าแดง เบื่ออาหาร มีอาการซึม มีจุดเลือดสีแดงขึ้นตามตัว
    2. ระยะวิกฤต ไข้ลดลง มีอาการซึม เหงื่อออก มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ปวดท้อง ปัสสาวะออกน้อย อาจมีเลือดออกง่าย
    3. ระยะพักฟื้น อาการทั่วไปจะดีขึ้น เริ่มอยากอาหาร ความดันโลหิตสูงขึ้น ชีพจรเต้นแรงขึ้น และช้าลง ปัสสาวะมากขึ้น

  • การรักษา การรักษาตามอาการ เนื่องจากยังไม่มียารักษา แนะนำให้ผู้ที่เคยเป็นฉีดวัคซีนไข้เลือดออกหลังจากผ่านไปแล้ว 1 ปี เพราะหากเป็นอีกครั้งอาการจะรุนแรงขึ้น

  • ข้อแนะนำ  ระวังอย่าให้ยุงกัด สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป ควรทำลายภาชนะที่มีน้ำขังเพื่อป้องกันแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

  • สาเหตุ  เชื้อไข้หวัดใหญ่มี 3 ชนิดใหญ่ๆได้แก่ A, B และ C ระยะฟักตัว 1-4 วัน และสามารถป่วยเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยเป็นได้

  • อาการ  ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ ซึม กระสับกระส่าย หากรุนแรงอาจมีภาวะชักจากไข้สูง ปอดอักเสบ ไซนัสอักเสบ

    การรักษา แบ่งออกเป็นการรักษาแบบประคับประคอง ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอละลายเสมหะ เช็ดตัว และการให้ยาต้านไวรัส Tamiflu เพื่ออุณหภูมิร่างกายลดลง

  • ข้อแนะนำ  หากเด็กมีโรคประจำตัว เสี่ยงมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที

  • สาเหตุ  คนในครอบครัวเคยเป็นภูมิแพ้มาก่อน หรือเกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น ไรฝุ่น แมลง ขนสัตว์ ควันพิษ ควันบุหรี่

  • อาการ  มีน้ำมูก ไอ จาม มักเป็นในช่วงเช้า บางรายมีผื่นลมพิษ ผิวแห้ง คัน บริเวณใบหน้า ข้อพับต่างๆ หายใจลำบาก

    การรักษา พบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าเป็นภูมิแพ้ชนิดใด เช่น เยื่อบุตาหรือโพรงจมูกอักเสบ โรคหืด ฯลฯ การรักษามีทั้งวิธีการปรับภูมิคุ้มกัน โดยฉีดสารก่อภูมิแพ้ใต้ผิวหนัง ค่อยๆ เพิ่มปริมาณเพื่อสร้างภูมิ และการใช้สารที่แพ้อมใต้ลิ้นที่ใช้เฉพาะผู้แพ้ไรฝุ่น

  • ข้อแนะนำ  หากต้องใช้ยาควรกินอย่างสม่ำเสมอ หมั่นทำความสะอาดเครื่องนอนและของใช้ ชวนลูกทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการพักผ่อนให้พอ ออกกำลังกายประจำ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้

Trend Update : Health Trends Coming Into Focus in 2023 เน้นเสริมสร้างสุขภาพจิต-ฟิตร่างกายให้แข็งแรง

 

TREND UPDATE:  Health Trends Coming Into Focus in 2023 
เน้นเสริมสร้างสุขภาพจิต-ฟิตร่างกายให้แข็งแรง

 

ในช่วงที่ผ่านมา หลายคนเริ่มหันมาใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพจิตมากขึ้น โดยเฉพาะในวัยทำงาน

เป็นวัยที่มักเจอกับความกดดันในหน้าที่ความรับผิดชอบต่าง ๆ การหาความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต อาจทำให้คนในกลุ่มที่ไม่ได้ป่วย อาจเกิดปัญหาความเครียด ความวิตกกังวล มีความไม่สบายใจ

หรือรู้สึกเศร้าหมองใจ จนกลายเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตได้ หาไม่ดูแลให้ดี ก็จะส่งผลกระทบทั้งกายและใจ

การดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เป็นเทรนด์น่าจับตามองในปี 2023 อาจเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของคุณได้

 

Body Clock of the Human

หรือนาฬิกาชีวิต การกำหนดเวลานอน เป็นวิธีหนึ่งในการปรับสมดุลนาฬิกาชีวิต  ซึ่งอวัยวะภายในร่างกายถูกควบคุมด้วยสมอง สั่งการให้ระบบต่างๆ ทำงานตามหน้าที่ อาทิ การตื่น การนอนหลับ การหลั่งฮอร์โมน การเผาผลาญ ฯลฯ ดังนั้น จึงควรจะหลับสนิทในความมืดก่อนเที่ยงคืนหรือนอนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับแต่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเพื่อให้หลับง่าย วิธีนี้จะทำให้ร่างกายเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคและต่อต้านความแก่ชราได้อย่างเต็มที่ ส่งผลต่อพฤติกรรมและการควบคุมอารมณ์อีกด้วย

Mental Health & Wellness Workplace

การทำงานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เรียกได้ว่า เราใช้เวลามากที่สุดถึง 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และไม่อาจหลีกเลี่ยงความเครียดและความกังวลต่างๆ จากงานได้ ลองหากิจกรรมทำระหว่างช่วงที่พัก เช่น การออกไปเดินเล่นข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศ ดูต้นไม้สีเขียวๆ พักสายตา หรือแชร์เรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนร่วมงาน เชื่อว่าทุกคนจะผ่อนคลายหายเครียดและรู้สึกดีขึ้นแน่นอน

Healing Power of Meditation

ในแต่ละวันเราพบกับเรื่องราวมากมาย ไม่แปลกที่การจัดการความยุ่งเหยิงในจิตใจเป็นสิ่งที่ยาก การนั่งสมาธิ ลองแบ่งเวลาสัก 10-15 นาทีต่อวัน นั่งสมาธิ อาจจะเป็นช่วงเวลาพัก  หรือช่วงก่อนนอน จะช่วยทำให้เราจดจ่อกับปัจจุบัน ไม่นึกถึงอดีตด้วยความเศร้าหมอง ไม่คาดหวังกับอนาคตมากจนเกินไป ใส่ใจกับการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ช่วยบริหารสมองให้เรารู้เท่าทันอารมณ์และเลือกที่จะตอบสนองและรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่ต้องเผชิญได้อย่างเหมาะสม        

Movement Snacks

เป็นวิธีเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกกำลังกายแบบสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที โดยคำนึงถึงความสะดวกของสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น การนั่งบนรถ นั่งทำงาน การอยู่ในชั่วโมงที่เร่งรีบ แนวคิดนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับคนในยุคปัจจุบันที่มีความเร่งรีบ แต่ต้องการยืดเส้นยืดสาย คลายความปวดเมื่อย  เช่น เดินไปทำงานหรือเดินข้ามระหว่างตึกในระยะสั้นๆ, การวิ่งขึ้น-ลงบันไดเบาๆ  หรือหากมีพื้นที่ให้สามารถออกกำลังกายง่ายๆ อย่างกระโดดสลับขา ทำท่าพิงกำแพง ก็ลองทำดู หากทำเป็นประจำก็ช่วยเสริมสร้างการเคลื่อนไหวของร่างกายได้เหมือนกัน

Low-Impact Workouts

การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องลงแรง ทุ่มน้ำหนักเสมอไป การออกกำลังกายแบบลดแรงกระแทก ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก หรือมีปัญหาเข่า ข้อกระดูก และลดการบาดเจ็บได้ แนะนำให้เริ่มง่ายๆ ด้วยวิธีการเดินเบาๆ วันละ 10 นาที เมื่อร่างกายคุ้นชินค่อยปรับเวลาขึ้นเรื่อยๆ หรือการว่ายน้ำ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีแรงกระแทกน้อยที่สุด  แต่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ข้อกระดูกและเพิ่มการสูบฉีดเลือดได้ดีมากอีกวิธีหนึ่ง

Health & Fitness Apps

ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบ Social Distancing มาระยะหนึ่ง คนเข้าฟิตเนสน้อยลง ผู้คนจึงหันมาออกกำลังกายโดยใช้ Applications ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยสร้างแรงจูงใจการออกกำลังกายในทุกๆ วัน พร้อมติดตามข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล  ข้อดีคือ สามารถจัดโปรแกรมได้เฉพาะบุคคลตามเวลาที่เราสะดวก รู้ข้อมูลส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ปริมาณไขมัน อัตราการเต้นของหัวใจ คุณภาพการนอนหลับ พฤติกรรมการกินได้ด้วย เปรียบเสมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัวอยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง

Plant-Based Food

ความอร่อยแบบไร้เนื้อ ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่ให้โปรตีนสูง เช่น ถั่ว, เห็ด, สาหร่าย, ข้าวโอ๊ต, อัลมอนด์, ธัญพืช  ฯลฯ  วัตถุดิบเหล่านี้สร้างเป็นอาหารเลียนแบบเนื้อสัตว์ อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู ที่ให้รส รูป กลิ่น ใกล้เคียงเนื้อสัตว์  ทางเลือกของผู้บริโภคในการทานอาหารเพื่อสุขภาพ เจาะกลุ่มคนที่อยากกินเพื่อเปลี่ยนตัวเอง และกินเพื่อเปลี่ยนโลก เพราะช่วยลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตอาหาร เชื่อได้ว่าในอนาคตอาจกลายเป็น Mega Trend ได้ในไม่ช้า

             

เทรนด์สุขภาพแนวใหม่ในปี 2023 นี้ ลองปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ เริ่มต้นจากการทำทีละเล็กละน้อย

ค่อยๆ สั่งสมไปสู่การมีสุขภาพกายที่สมบูรณ์ จิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

คือเป้าหมายของการมีอายุที่ยืนยาว

 

เรียบเรียงข้อมูลจาก

บทความ “2023 Wellness Trends We’re Watching”  by Lexy Parsons

บทความ “นาฬิกาชีวิต (Body Clock)” เว็บไซต์กรมสุขภาพจิต

บทความ “วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักแบบ Low Impact” เว็บไซต์ Kapook

 

 

 

Trend Update : ปรับเปลี่ยนท่า สร้างความฟิตให้ร่างกาย

Trend Update ปรับเปลี่ยนท่า สร้างความฟิตให้ร่างกาย
        หนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ มักมีอาการปวดเมื่อตามร่างกาย อาการที่พบบ่อยคือ ปวดคอ ปวดไหล่ ปวดหลัง ทุกครั้งที่มีอาการปวดขึ้นบนร่างกาย เราควรหาสาเหตุว่าอาการปวดเมื่อยเกิดจากอะไร   หลายคนคิดว่า จัดวางท่าทางนั่ง นอน เดินอย่างถูกต้องแล้ว แต่ทำไมยังมีอาการปวดเมื่อยอยู่ นั่นเพราะการจัดวางท่าที่เหมาะสม อาจไม่ได้เป็นสาเหตุที่แท้จริงของความปวดเมื่อย บางคนอาจเป็นรุนแรงถึงขั้นปวดเรื้อรัง และส่งผลต่อสุขภาพ  ในระยะยาว ลองสังเกตดูว่า อาการปวดเมื่อยของคุณมีปัจจัยเหล่านี้เกี่ยวข้อง
ด้วยหรือไม่?            
                                                                                 
ปรับเปลี่ยนท่า ป้องกันอาการปวดเมื่อย

โปรแกรม ALL YOU CAN FITS  โปรแกรมที่ช่วยให้คุณเรียนรู้ร่างกายตนเอง ตรวจประเมินโครงสร้างสรีระของร่างกายพร้อมหาต้นตอ สาเหตุและวิเคราะห์อาการปวดเมื่อยและความผิดปกติต่างๆ แบบเฉพาะบุคคล ช่วยปรับความสมดุลของกล้ามเนื้อ ช่วยปรับพฤติกรรม และไลฟ์สไตล์ เพื่อการสุขภาพที่ดีในระยะยาว โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัด

สนใจโปรแกรม ALL YOU CAN FITS สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล โทร. 1772

    ข้อมูลโดย คุณมีน-ฐิติ ตังคะพิภพ
    นักกายภาพบำบัดชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลพญาไท 2     

Trend Update : “รวบรวมมาให้แล้วกับ 10 Application ที่ควรดาวน์โหลด” ลงสมาร์ทโฟนของคุณครบจบในเครื่องเดียว

Trend Update

ทุกวันนี้เทคโนโลยีต่างเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ช่วยให้ทุกคนได้สะดวกสบายในทุกมิติของการใช้ชีวิต อย่างสมาร์ทโฟน เครื่องมือที่ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นด้วย Application ต่างๆ ที่นอกจากจะให้ความบันเทิงแล้วยังช่วยปกป้องสุขภาพของผู้ใช้งานอีกด้วย โดยเรา “รวบรวมมาให้แล้วกับ 10 Application ที่ควรดาวน์โหลด” 


COVID-19 Tracker แอปพลิเคชันที่ผู้ใช้สามารถติดตามสถานะผู้ติดเชื้อ รวมถึงพื้นที่เสี่ยงต่างๆ เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานสะดวก และง่ายโดยใช้สัญลักษณ์ต่างๆ แสดงบนแผนที่ เช่นเคสที่มีการคอนเฟิร์มการติดเชื้อจะเป็นจุดวงกลมสีแดงกระพริบ สำหรับเคสที่ผู้ป่วยรักษาหายแล้วจะเป็นไอคอนสีเขียว กระจายอยู่ในแผนที่ เป็นต้น ซึ่งจะแสดงผลแบบเรียลไทม์ พร้อมระบุพิกัดและรายละเอียดของผู้ติดเชื้อในประเทศไทย

Away COVID-19 มินิแอปพลิเคชันของ LINE เป็นมินิแอปที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เพียงกดเพิ่มเพื่อน (Add friend) ที่บัญชี Away Covid-19 ก็จะมีเมนูการใช้งานให้เลือกใช้ ครอบคลุมตั้งแต่การอัปเดตสถิติผู้ติดเชื้อในไทย ฟังก์ชันการค้นหาเส้นทางไปสถานบริการตรวจเชื้อ COVID-19 แผนที่ข้อมูลร้านค้าที่จำหน่ายเจลล้างมือและหน้ากากอนามัย อีกทั้งยังมีการแจ้งเตือนก่อนเข้าใกล้พื้นที่ต่างๆ ว่าตำแหน่งที่คุณอยู่มีเคสผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้ออยู่จำนวนเท่าไร


ใกล้มือหมอ แอปพลิเคชันที่จะช่วยให้คุณนั้นอุ่นใจเหมือนมีแพทย์อยู่ด้วย 24 ชม. แอปพลิเคชันที่เอาไว้สำหรับเช็คอาการ COVID-19 แค่ปลายนิ้ว ย่อตำราแพทย์ฉบับเข้าใจง่ายให้ทุกคนได้ศึกษาหาข้อมูลที่ถูกต้องได้ด้วยตัวเองตามนโยบาย “รู้เร็ว รักษาเร็ว หายเร็ว” ของผู้พัฒนา แถมเป็นตัวช่วย อสม. คัดกรองโรคเบื้องต้นกว่าพันโรคอีกด้วย


หมอชนะ แอปพลิเคชันฝีมือคนไทย แอปพลิเคชันนี้จะติดตามตำแหน่งของผู้ใช้งานด้วยระบบ GPS ซึ่งสามารถติดตามการเดินทางของผู้ใช้งานผ่านการเช็คอินตามสถานที่ต่างๆ เพื่อใช้ในการประเมินความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ แอปพลิเคชันหมอชนะ ยังมีระบบ Trace Back ที่ช่วยให้เราสามารถติดตามกลุ่มเสี่ยงที่เคยอยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อได้


AOT Airports และ Vwatch (Virus watching system) แอปพลิเคชันสำหรับเก็บข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกประเทศทุกสนามบิน และคนไทยที่มาจากประเทศเสี่ยง เพื่อสะดวกในการติดตามตัวหากมีการตรวจพบว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ โดย AOT Airports ใช้งานด้วยระบบGPS ติดตามตัว และนอกจากนี้แอปพลิเคชั่นดังกล่าว ยังสามารถใช้กรอกแบบฟอร์ม ต.8 (ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ) ได้อีกด้วย


DDC-Care เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นโดยกรมควบคุมโรค (Department of Disease Control) ซึ่งจะช่วยในการติดตามตำแหน่ง และประเมินสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงที่อยู่ในระหว่างการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ยิ่งกว่านั้น หากเราประเมินความเสี่ยงแล้วพบว่า อยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับเชื้อ ระบบภายในแอปพลิเคชันสามารถแนะนำให้เราติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อความช่วยเหลือได้อีกด้วย


NIEMS-Care นับเป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับชุมชน โดยหลักการทำงานของแอปพลิเคชันนี้ คือแต่ละครัวเรือนจะมีตัวแทนทำหน้าที่รายงานสถานะสุขภาพของสมาชิกในครัวเรือนเป็นประจำโดยมีผู้ใหญ่บ้านหรือผู้แทน เป็นผู้ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์จากข้อมูลที่ปรากฏบนแอปพลิเคชัน

Card2U อีกหนึ่งแอปพลิเคชันฝีมือคนไทยที่ผลิตมาเพื่อคนไทย พัฒนาขึ้นให้เป็นตัวช่วยในการสอดส่องเรื่องการระบาดของ COVID-19 โดยมีการพัฒนาต่อยอดมาจากเว็บไซต์ ThaiFightCOVID ซึ่งแอปพลิเคชันนี้จะมีการนำเสนอข่าวสาร ทั้งข่าวด่วน   และข่าวประจำวันเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาด แสดงสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ พื้นที่เสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยง รวมถึงมีช่องทางตรวจสอบข่าวปลอมได้อีกด้วย


Doctor A to Z เเอปพลิเคชันสำหรับ “หาหมอที่บ้านผ่านวิดีโอคอล Teleconsult” เป็นเเอปพลิเคชันทางการเเพทย์ที่ช่วยป้องกันทั้งหมอ และคนไข้เพื่อไม่ให้เสี่ยงเมื่อต้องออกไปพบเเพทย์ที่โรงพยาบาลผ่านการใช้ระบบออนไลน์ที่เรียกว่า Teleconsult     ที่ช่วยให้คนไข้หาหมอจากที่บ้านผ่านวิดีโอคอลแบบ Online Real-Time ลดความเสี่ยง ช่วย Save หมอ Save คนไข้ ถือว่าเป็นแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์มากทีเดียว


Ooca แอปพลิเคชันบริการให้คำปรึกษาทางสุขภาพจิตผ่านวิดีโอคอล โดยคุณสามารถเลือกจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาที่มีความเชี่ยวชาญตรงกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ พร้อมเลือกนัดหมายเวลาที่สะดวกหรือพูดคุยปรึกษาได้ทันที นอกจากนั้น Ooca (อูก้า)  ยังเปิดบริการพิเศษอย่าง Ooca x Covid-19 เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อาจมีภาวะเครียดหรือตื่นตระหนก ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้บริการโดยเฉพาะผู้ที่ถูกกักตัว ทาง Ooca สามารถให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับสภาวะจิตใจ โดยไม่ต้องเดินทางออกจากบริเวณกักตัว