We are what we eat: เลือกน้ำมันดี สุขภาพดี

การเลือกใช้น้ำมันทำอาหาร ใช่ว่าจะใช้น้ำมันแบบใดก็ได้ เพราะน้ำมันแต่ละประเภท ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติของอาหารด้วย

ดังนั้น จึงควรเลือกน้ำมันให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อได้อาหารจานอร่อยและเพื่อสุขภาพที่ดี

 

เมนูแบบนี้ ใช้น้ำมันอะไรดี?

 

น้ำมันแบบบไหนที่ว่าดี?

 

 

“สีคล้ำ มีกลิ่นไหม้  เหม็นหืน เหนียวหนืด  มีฟอง” น้ำมันทอดซ้ำมันไม่ดีนะ!  ไม่ควรใช้เกิน 2 ครั้ง

• สาร Polar –โรคความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ

• สาร Polycyclic Aromatic Hydrocarbons ( PAHs) – มะเร็ง

• ไอระเหย – มะเร็งปอด

 

 

 

 

 

 

แนะนำเคล็ดลับ ทอดน้ำมันดี ไม่ให้มีฟอง

• นำอาหารออกจากตู้เย็น พักไว้ให้อุณภูมิลดลงก่อน
• ใช้น้ำมันถูกประเภท ใส่น้ำมันก่อนเปิดแก๊ส
• อุณหภูมิที่แหมาะสมคือ 160-180 องศาเซลเซียส
• ไม่ใส่เกลือหรือเครื่องเทศขณะทอด
• หากต้องทอดจำนวนมาก ควรทอดลงกระทะทีละน้อย

 

 

 

 

 

 

น้ำมันแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันไป การใช้น้ำมันให้เหมาะกับการปรุงนอกจากจะได้อาหารที่อร่อย ยังช่วยให้ได้รับปริมาณไขมันที่เหมาะสมอีกด้วย ซึ่งในแต่ละวันควรได้รับในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะต่อ 1 มื้อ บางครั้งเราอาจหลีกเลี่ยงการรับปริมาณน้ำมันเกินพอดี    ไม่ได้ แต่ที่ทำได้ง่าย  ๆ คือ ลดอาหารประเภทมันในบางมื้อ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ในประเภทอื่น ๆ ร่วมด้วยก็จะช่วยให้ลดความเสี่ยงโรคต่าง ๆ ได้เช่นกัน

 
 
เรียบเรียงข้อมูลจาก
• เลือกใช้น้ำมันอย่างไรให้ปลอดภัยต่อการบริโภค โดย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
• เตือน ! เลือก น้ำมัน ก่อนใช้ โดย รามาแชนแนล
• ทำความรู้จักก่อนใช้ 11 น้ำมันประกอบอาหาร ที่คุณอาจใช้ผิด! โดย wongnai.com

 

We are what we eat: เลือกกินตามวัย สุขภาพดีได้ทุก Gen

การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนทุกวัย แต่ความต้องการสารอาหารในแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกัน

โดยวัยเด็กต้องการพลังงานสูงเพื่อการเจริญเติบโต เมื่ออายุมากขึ้น เน้นไปที่การควบคุมน้ำหนักและลดอาหารประเภทไขมันเพื่อรักษาสุขภาพ

แต่สิ่งสำคัญคือ ควรกินอาหารให้หลากหลาย ครบถ้วนและควรมีความยืดหยุ่นในการบริโภค ไม่เคร่งครัดมากจนเกินไป

จึงจะเป็นการกินอาหารอย่างมีความสุขไปพร้อมกับมีสุขภาพที่ดี

เด็กวัยนี้มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งด้านร่างกายและสมอง เป็นวัยกำลังเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ  แนะนำให้ฝึกกินผักและผลไม้ด้วยการหั่นชิ้นเล็ก ตกแต่งสอดแทรกในอาหาร เพื่อให้เขาค่อยๆ คุ้นเคยกับ   ผักชนิดต่าง ๆ และได้รับวิตามินที่เหมาะสมโดยไม่ต้องบังคับกิน เด็กวัยเรียนมักเลือกกินอาหารและขนมที่หาซื้อได้ง่ายจากร้านสะดวกซื้อหรือหน้าโรงเรียน ผู้ปกครองควรแนะนำการกินอาหารอย่างเหมาะสม เลือกกินขนมรสหวานน้อย เพื่อไม่ให้มีน้ำตาลสะสมในร่างกายมากเกินไป  หากได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนจะทำให้มีพัฒนาการด้านความสูงได้ไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อลีบ

และส่งผลต่อการเรียนรู้ ก่อให้เกิดภาวะอ้วนหรือมีภาวะหนุ่มสาวก่อนวัยได้

วัยที่มีการเปลี่ยนแปลงสรีระร่างกาย  รวมถึงด้านอารมณ์และจิตใจ จากวัยเด็กที่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ เติบโตไปสู่ภาวะที่พึ่งพาตนเอง

และมีความรับผิดชอบมากขึ้น วัยรุ่นให้ความสำคัญกับรูปร่างและสัดส่วน  แต่การอยู่รวมกลุ่มกับเพื่อนอาจกินเลี้ยงสังสรรค์

จนได้รับสารอาหารมากเกินพอดี  ไม่ควรอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เพราะจำเป็นต้องรับพลังงานเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย

แนะนำให้ควบคุมปริมาณ โดยเฉพาะประเภท Fast food และขนมหวานซึ่งเป็นอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ส่งผลให้อ้วนลงพุงได้

แม้วัยนี้ร่างกายจะไม่การเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอีก  การทำงานของเซลล์ลดและช้าลง  แต่ยังคงใช้สารอาหารในการฟื้นฟูและเสริมสร้างเซลล์ต่าง ๆ

ให้ร่างกาย แม้จะทำงานหนักแค่ไหน ก็ไม่ควรงดอาหารเช้า เพราะระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำ สมองทำงานไม่เต็มที่  ใครที่ชอบกินอาหารประเภทปิ้งย่าง

             บุฟเฟ่ต์ ควรปรุงรสน้ำจิ้มแต่พอดี เพราะอาจได้รับโซเดียมและน้ำตาลมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง

หรือย่อยยากจนเกินไป ส่งผลให้เป็นเบาหวาน ความดัน หรือไขมันอุดตันได้ง่าย

เมื่ออายุมากขึ้น ระบบการเผาผลาญพลังงาน ต่อมน้ำลาย และต่อมรับรสชาติก็จะเสื่อมสภาพลง แต่ยังคงต้องการสารอาหารเพื่อไปซ่อมแซม

ส่วนต่าง ๆ อยู่  ผู้สูงวัยมักกินอาหารไม่อร่อย เพราะต่อมรับรสเสื่อมลง แต่ชอบกินขนมหวาน เพราะสามารถรับรสชาติหวานได้ดีที่สุด

ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัด หวานจัด ลดอาหารคอเรสเตอรอลสูง เช่น ปลาหมึก มันกุ้ง ไข่แดง ทั้งนี้ ผู้สูงวัยจะสูญเสียเนื้อกระดูกเฉลี่ย

อยู่ที่ 3-5 % ต่อปี จึงควรกินอาหารที่มีแคลเซียม เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน การกินผัก ผลไม้ที่มีกากใยสูง

ช่วยเข้าไปดูดซับไขมันและน้ำดีไว้ในลำไส้ ช่วยป้องกันโรคท้องผูกได้

การเลือกกินอาหารให้เหมาะสมกับแต่ละวัย เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการสร้างสุขภาพดี

นอกเหนือจากโภชนาการที่ครบถ้วน กินให้ถูกต้องตามสัดส่วนแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จิตใจให้เบิกบานแจ่มใส จะช่วยสร้างสมดุลให้แก่ร่างกายให้แข็งแรงแบบองค์รวมได้เช่นกัน

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • กินอย่างไร? ให้เหมาะสมกับช่วงวัย โดย โรงพยาบาลเปาโล รังสิต
  • กินอาหารอย่างไร เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยทอง โดย โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน
  • อาหารที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย โดย สำนักโภชนาการ กรมอนามัย

เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารสำหรับสาย Healthy ต้องดีต่อสุขภาพ

 เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารแบบดิจิตอล อุปกรณ์ในห้องครัวที่ The Selection อยากแนะนำให้ทุกคนมีไว้ติดบ้าน

เพราะการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อให้เหมาะสมและครบถ้วนในแต่ละวัน เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องโภชนาการเป็นพิเศษ

ซึ่งเจ้าเครื่องชั่งน้ำหนักอาหารขนาดเล็กๆ นี้ไม่ได้เอาไว้ชั่งน้ำหนักสำหรับทำเบเกอรีอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณควบคุมแคลอรี่

และปริมาณอาหารได้อย่างแม่นยำ ทั้งการชั่งน้ำหนักวัตถุดิบ ชั่งเครื่องปรุง หรือการชั่งปริมาณเพื่อแบ่งบรรจุ

ก็เป็นเรื่องง่ายและสนุกกับการทำอาหารเพื่อสุขภาพได้ทุกวัน

 

The Selection  คัดมาให้แล้ว เครื่องชั่งน้ำหนักอาหาร ชั่ง-ตวง-วัด อย่างแม่นยำและได้มาตรฐานระดับสูง

รับส่วนลดพิเศษสำหรับคุณ คลิกเลย!  https://bit.ly/theselectionscale

 

 

ชั่ง-ตวง-วัด แสดงผลด้วยตัวเลขจุดทศนิยม

ทำให้มั่นใจได้ว่าต้องการใช้วัตถุดิบปริมาณเท่าไหร่ คำนวณให้เป๊ะแน่นอน

ส่วนใหญ่ตัวเครื่องทำจากพลาสติกและถาดทำจากสแตนเลสคุณภาพดี

ถอดล้างทำความสะอาดง่าย แนะนำให้เลือกใช้ยี่ห้อที่มีมาตรฐานรับรอง

มีบริการดูแลหลังการขาย รวมถึงการรับประกันสินค้า

สามารถชั่งได้ละเอียดในระดับ Micro Mode

ทั้งหน่วยวัดแบบกรัม (g.), มิลลิลิตร (ml) หรือ ออนซ์ (fl oz)

พลังงานเครื่องใช้เพียงแบตเตอรี่แบบก้อน

เครื่องชั่งน้ำหนักอาหารมักมีขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่การใช้งานและจัดเก็บ

 

 

 

We are what we eat: ชีวิตนี้ ห้ามขาดน้ำ! เช็กสัญญาณเตือนภาวะสูญเสียน้ำในร่างกาย

 

ชีวิตนี้ ห้ามขาดน้ำ! เช็กสัญญาณเตือนภาวะสูญเสียน้ำในร่างกาย  

ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมีน้ำส่วนประกอบมากถึง 60% โดยจะลดลงเหลือประมาณ 45% เมื่ออายุมากขึ้น

ในแต่ละวันคนเราสูญสียน้ำประมาณวันละ 2.5 ลิตร จากการขับเหงื่อ การหายใจและการขับถ่าย โดยผู้ใหญ่จะต้องการน้ำมากกว่าเด็ก

และจะลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น เพศชายจะมีความต้องการน้ำมากกว่าเพศหญิง ดังนั้นเราควรดื่มน้ำให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย

เพราะเพียงแค่การดื่มน้ำน้อยก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำได้เช่นกัน

 

 

ปัสสาวะน้อยลงและสีเข้ม  ปัสสาวะน้อยกว่า 4 ครั้งต่อวัน หรือเพียง 1 ครั้งใน 4-6 ชั่วโมง โดยมีสีเข้มกว่าปกติ  

ความยืดหยุ่นของผิวหนัง  ใช้มือดึงหนังที่บริเวณหลังมือขึ้นมาแล้วปล่อย ถ้าผิวเด้งกลับมาอยู่ที่เดิมใน 2-3 วินาทีถือว่าปกติ

การหมุนเวียนของเลือดบริเวณปลายนิ้ว  บีบปลายนิ้วค้างไว้ 2-3 วินาที  โดยเล็บจะกลายเป็นสีขาวแล้วปล่อยออก เล็บจะกลับมาสีชมพูทันที แต่ถ้าปล่อยแล้วเกิน 3 วินาทียังเป็นสีขาว อาจมีภาวะขาดน้ำ

อาการอื่นๆ กระหายน้ำ ปากแห้งเป็นขุย เวียนหัวง่าย ไม่สดชื่น อ่อนเพลีย ท้องผูก

 

 

 

 

Trick ง่ายๆ ดูแลตัวเองไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ 

• หลีกเลี่ยงช่วงเวลาแดดจัด ช่วง 10.00 – 15.00 น. ร่างกายจะสูญเสียน้ำในปริมาณมากอย่างรวดเร็ว และทำให้เป็นลมแดดได้
• สวมเสื้อผ้าระบายอากาศและจิบน้ำระหว่างออกกำลังกาย ดื่มน้ำ 1 ขวดเล็ก ก่อนออกกำลัง 30 นาที และระหว่างออกกำลังกายทุกๆ 30 นาที
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน มีผลให้หลอดเลือดขยายตัว ร่างกายขับน้ำออกเร็วขึ้น
• เลือกกินผักและผลไม้ที่มีน้ำเยอะ รสชาติหวานน้อย เช่น แตงกวา มะเขือเทศ บวบ แตงโม มะละกอ คะน้า สตรอว์เบอร์รี

 

         ภาวะขาดน้ำ เกิดขึ้นได้ง่ายโดยเฉพาะช่วงที่มีอุณภูมิสูง อากาศร้อน ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันจึงเป็นสิ่งจำเป็น ภาวะขาดน้ำมักจะสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็จะมีการดึงน้ำออกจากเซลล์เพื่อลดระดับน้ำตาล หากมีภาวะขาดน้ำในระดับรุนแรง ร่างกายจะสูญเสียน้ำจากทั้งหลอดเลือดและเซลล์ต่างๆ มีความเสี่ยงต่อชีวิต จึงควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

We Are What We Eat : ชาร์จพลังรับปีใหม่ ด้วย Anti-aging Vitamins และวิธีกินที่ถูกต้อง

 
 
 
We Are WHAT          WE EAT :       
 
ชาร์จพลังรับปีใหม่ ด้วย Anti-aging Vitamins และวิธีกินที่ถูกต้อง ปลอดภัย
 

 

สารอาหารที่ดีมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิต้านทานร่างกาย The Selection ขอแนะนำสารอาหารชาร์จพลังรับปีใหม่ ด้วย Anti-aging Vitamins พร้อมแนะนำวิธีทานที่ถูกต้อง ปลอดภัย ใครที่อยากได้สารอาหารเน้นๆ เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ ต้องลอง 5 วิตามินนี้เลย!

 

   

Vitamin C ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน

วิตามินตัวแรกๆ ที่ถูกค้นพบว่าสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสี (Melanin) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น  สร้างคอลลาเจน  ป้องกันการเกิดริ้วรอย  และการเสื่อมสภาพของผิว  สร้างภูมิต้านทาน ลดอาการโรคภูมิแพ้ กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ป้องกันโรคที่มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับอนุมูลอิสระ (Oxidative stress) เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคอัลไซเมอร์ โรคมะเร็ง โรคภูมิแพ้

              

Vitamin E เพิ่มความแข็งแรงให้ผนังเซลล์

สารอาหารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงอานุภาพ มีคุณสมบัติละลายในไขมัน แต่ไม่ละลายในน้ำ ทำลายอนุมูลอิสระในส่วนที่เป็นไขมันในร่างกาย เช่น เยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งเป็น      ไขมัน แบ่งหน้าที่กับวิตามินซีซึ่งทำลายอนุมูลอิสระที่อยู่ในน้ำ วิตามินอีช่วยปกป้อง คอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงให้ผนังเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ป้องกันความเสี่ยง       โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เส้นโลหิตในสมองตีบ อัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง

Vitamin D มีดีมากกว่าการดูดซึมแคลเซียม

นักวิจัยยังค้นพบประโยชน์ของวิตามินดีนอกเหนือจากการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก  นั่นคือ ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม, มะเร็งรังไข่ในผู้หญิง,  โรคมะเร็ง-ต่อมลูกหมาก อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว, ช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้า โดย 80-90% เกิดจากการสังเคราะห์ที่ผิวหนัง หลังได้รับแสงแดด (UVB) และ    10-20% จากการรับประทานอาหาร

Coenzyme Q10  ด่านแรกช่วยปกป้องผิว

สารที่ช่วยเอนไซม์ทำงานให้ระบบร่างกายเป็นไปอย่างปกติ มักพบในอวัยวะที่ใช้พลังงานมาก อาทิ เซลล์หัวใจ เซลล์กล้ามเนื้อ ปกติร่างกายผลิตตามธรรมชาติ       แต่เมื่อเข้าสู่อายุ 30 ปีขึ้นไป จะมีปริมาณที่ลดลง การออกไปรับแสงแดดยามเช้า ช่วยเพิ่ม Q10 ที่ช่วยป้องกันรังสียูวี และชะลอการเกิดริ้วรอยของผิวได้อีกด้วย

Omega-3 ยาแก้อักเสบจากธรรมชาติ

หรือ กรดไขมันโอเมก้า 3 (Omega-3 Fatty Acids) เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ร่างกายของคนเราไม่สามารถจะสร้างขึ้นมาเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากการ      กินอาหาร ซึ่งอยู่ในน้ำมันปลา ซึ่งยับยั้งการสร้างสารก่อการอักเสบ (Inflammation)  ในร่างกาย ช่วยลดการอักเสบของหลอดเลือดหัวใจ, และเซลล์สมอง และ         โรครูมาตอยด์ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ป้องกันอัลไซเมอร์

We Are What We Eat : เครื่องดื่มดีต่อใจ เพิ่มพลังให้วัยทำงาน

 

 

We are          what we eat      เครื่องดื่มดีต่อใจ เพิ่มพลังให้วัยทำงาน

 

เมื่อถึงจุดที่ร่างกายเกิดความอ่อนล้า รู้สึกเหนื่อยระหว่างวันจากการทำงานหนัก อาจทำให้เราสูญเสียพลังงานในร่างกายและพลังงานสมอง The Selection     ขอแนะนำวิธีหนึ่งในการเพิ่มพลังให้คุณลุยงานต่อได้ นั่นคือ เครื่องดื่มสดชื่น กระปรี้กระเปร่าที่ควรมีติดโต๊ะทำงาน หรือจะมีขนมกินกรุบกริบกินควบคู่เพิ่มความอร่อยไปด้วยก็ไม่ว่ากัน

 

             เมนูเครื่องดื่มแสนสดชื่น ต้องยกให้ Smoothie เลย วัยทำงานคนไหนรักสุขภาพ แนะนำให้เลือกผลไม้รสหวานน้อยและพืชผักสีเขียวเป็นส่วนประกอบหลัก  เช่น ผักคะน้า ผักโขม ผักเคล ผักกาดหอมและแอปเปิลเขียว ช่วยขับสารพิษในร่างกาย หากดื่ม Green Smoothie แก้วใหญ่ (500 มิลลิลิตร) จะได้รับวิตามินเคสูงถึง 500 % ของปริมาณที่ควรบริโภคต่อวัน ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของแร่ธาตุในกระดูก และลดเสี่ยงโรคเบาหวานจากการกินขนมจุบจิบ อีกหนึ่งตัวเลือกไขมันดี คือ Smoothie อะโวคาโด สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ลองโรยข้าวโอ๊ต      เมล็ดเจียลงไปด้วย ก็จะช่วยเพิ่มไฟเบอร์ ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ดีขึ้น หรือจะ Topping ด้วย ถั่วอัลมอนด์ ซึ่งอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ก็ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากความอ่อนล้าระหว่างวันได้นะ

                                                                                      เครื่องดื่มสีน้ำตาลเข้ม รสชาติขม แต่หอมอร่อย กลมกล่อม ผลิตจากเมล็ดของต้น Cacao                 มีคุณสมบัติช่วยลดความเครียดจากการทำงานได้ ดื่มโกโก้ 1 แก้วใหญ่ (500 มิลลิลิตร) จะมี                กรดอะมิโน Tryptophan ประมาณ 300 มิลลิกรัม ซึ่งจะช่วยสร้าง Serotonin ทำให้คุณอารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย และยังมีสาร Flavonoids มากกว่า 350 มิลลิกรัม ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง เมื่อใดที่รู้สึกอ่อนล้า ลองให้โกโก้เป็นเพื่อนคู่ใจคุณยามบ่ายสักครั้ง

 

                                                                                                  ตัวช่วยบำรุงสมอง คิดงานคล่อง ลองดื่มน้ำบีทรูทสักแก้ว ผักสีแดงสด รสเปรี้ยวอมหวานนี้ หัวบีทรูทดิบ 100 กรัม อุดมไปด้วยสารไนเตรทมากถึง 250 กรัม ซึ่งเป็นสารที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซับออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ 2 ไมโครกรัม และเบต้าแคโรทีน 20 ไมโครกรัม ช่วยบำรุงสายตา เหมาะสำหรับชาวออฟฟิศที่จ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ แนะนำว่าคนไหนชอบ Hang Out หลังเลิกงาน ต้องหามาชิมสักแก้ว เพราะเม็ดสีของบีทรูทช่วยกระตุ้นการทำงาน                                                                                                 ของตับให้ขับสารพิษได้ แต่ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ คือ ไม่ควรดื่มเป็นประจำ                                                                                                       เพราะสารอาหารบีทรูทมีผลทำให้ระดับความดันโลหิตต่ำลง

 

 

ทำงานอยู่ในห้องแอร์หรือนั่งประชุมนานๆ อาจรู้สึกคอแห้ง เจ็บคอ พักเบรคจิบน้ำผึ้งมะนาวสักนิด เพราะในน้ำผึ้งมะนาว 1 แก้ว (250 มิลลิลิตร) มีกรดซิตริก และวิตามินซีอยู่มากกว่า 40% ของปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ช่วยให้ชุ่มคอและลดอาการไอได้  ส่วนน้ำผึ้งยังมีโพรไบ-โอติกส์และแลคโตบาซิลัส ส่งผลดีต่อระบบการย่อยอาหาร ปรับความสมดุลการทำงานของลำไส้  สูตรการทำก็ไม่ยาก เพียงบีบมะนาวครึ่งลูกและน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ผสมในน้ำอุ่น 1 แก้ว                                                                                                           คนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้เราก็จะได้น้ำผึ้งมะนาวที่หอมละมุน เติมความสดชื่นบนให้แก่ช่วงเวลา                                                                                                         ทำงานของคุณแล้วล่ะ

 

                                                                                                                    ชาเขียวแบบใส ไม่ใส่นม เหมาะกับคนทำงานที่รักสุขภาพ เพราะชาเขียว  1 แก้ว (200 มิลลิลิตร)  ให้พลังงานต่ำเพียงประมาณ 100 แคลอรี่ มี Caffeine เล็กน้อยประมาณ 14 มิลลิกรัม ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ผ่อนคลายความตึงเครียดของศีรษะและเบ้าตา ชงในน้ำร้อน 1 – 2 ช้อนชาก็เพียงพอ ไม่แนะนำให้ดื่มในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืน ระหว่างวันลองชวนเพื่อนๆ พักเบรค มาปาร์ตี้ Afternoon Tea สักนิด รับรองว่าจะรู้สึกสดชื่น                                                                                                                     ตื่นจากความเหนื่อยล้าแน่นอน

 

ผลไม้ยอดนิยมของไทย หอมหวานอร่อย เครื่องดื่มเกลือแร่จากธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติของน้ำมะพร้าวที่มีฤทธิ์เย็น จึงช่วยรักษาสมดุลน้ำในร่างกาย ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว ป้องกันการสูญเสียน้ำได้เป็นอย่างดี น้ำมะพร้าว 240 มิลลิลิตร มีแร่ธาตุและวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินซี 34 มิลลิกรัม แคลเซียม 38 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 38 มิลลิกรัม ฯลฯ อีกทั้งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ประโยชน์เยอะขนาดนี้ ลองดื่มน้ำ-                                                                                                      มะพร้าวแบบแช่เย็นสักแก้ว รับรองว่าจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้คุณมีแรงทำงานต่อได้แน่นอน

 

                                                                                                                                                                                   พืชสมุนไพรประจำบ้าน กลิ่นหอมชื่นใจที่ไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยแก้อาการอ่อนเพลียและดับกระหายได้ ในใบเตย 100 กรัม จะมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์หลายชนิด ทั้งวิตามินซี วิตามินบี 3   (ไนอะซิน) 8 มิลลิกรัม ช่วยลดระดับไขมันในเลือด มีเบต้าแคโรทีน 3 ไมโครกรัม ช่วยป้องกัน         โรคข้ออักเสบ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังมีแคโรทีนอยด์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ                                                                                                     ที่เสียหายจากอนุมูลอิสระ วิธีทำก็ง่าย เพียงนำใบเตยหั่นเป็นท่อน ต้มลงในน้ำเดือด ใส่น้ำตาล                                                                                                       และเกลืออีกสักนิดเป็นอันเสร็จ ใครพอมีเวลาลองทำน้ำใบเตยไว้ดื่มเองหรือจะแบ่งเพื่อนร่วมงาน                                                                                                   สดชื่นไปด้วยกัน  ก็เป็นการสร้างบรรยากาศการทำงานให้ดีขึ้นเหมือนกันนะ

 

เรียบเรียงข้อมูลจากเว็บไซต์ sanook.com, kapook.com, KomChadLuek Online, pharmacy.mahidol.ac.th

We Are What We Eat : 5 อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน Covid-19

We Are What We Eat

5 อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน Covid-19

“เพราะภูมิคุ้มกันของเราทุกคน ไม่ได้แข็งแรงอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องหมั่นดูแลระบบภูมิคุ้มกัน

ด้วยการปรับเปลี่ยน การเลือกรับประทานอาหาร”

We are what we eat จะพาคุณมาทำความเข้าใจต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนเรา และแนะนำอาหารดีๆ ที่เหมาะสมในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต้านโควิด 19 

ระบบภูมิคุ้มกัน หรือ Immune system คือระบบที่ประกอบขึ้นจากโครงสร้างและกระบวนการทางชีวภาพหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันนั้นสำคัญกับเราเป็นอย่างมากเพราะจะช่วยปกป้องร่างกายจากสิ่งแปลกปลอม ช่วยไม่ให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องหมั่นคอยบำรุงให้แข็งแรงอยู่เสมอ และยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของ Covid-19 นั้นเป็นช่วงที่สำคัญอย่างมากในการบำรุงเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้หลายคนได้หันมาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ทั้งอาหารหลัก อาหารเสริม กันมากขึ้นโดยวันนี้เราจะมาขอแนะนำวิตามิน 5 ชนิด ที่จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายดังนี้

สารอาหารยอดนิยมที่เราคุ้นเคย ร่างกายควรได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอคือ 25-100 กรัม หรือ 400 กรัมต่อวัน ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงอายุ โดยแหล่งวิตามินซีในอาหารพบได้ง่ายๆ ตามผักและผลไม้เป็นเป็นส่วนใหญ่ อาทิ ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ มะละกอแขกดำ ทุเรียนหมอนทอง พริกหวาน  ผักคะน้า บร็อคโคลี่ และอื่นๆ อีกมากมาย

เป็นสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน แหล่งอาหารของวิตามินเอที่สามารถดูดซึม และใช้ประโยชน์ได้สูง คือ พวกเครื่องในสัตว์ นม ไข่แดง นอกจากนี้ยังมีแหล่งอาหารจากพืชจำพวกผักใบเขียวเข้ม และผลไม้สีเหลืองอย่างตำลึง ผักบุ้ง ฟักทอง มะละกอสุก เป็นต้น

สารอาหารที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันในรูปแบบของอาหารเสริม แต่รู้หรือไม่ว่าแหล่งอาหารของสังกะสีก็สามารถพบได้ในเนื้อสัตว์ เช่น เครื่องใน หอยนางรม สัตว์ปีก และปลา มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต และแบ่งเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เรียกว่าเป็นสารอาหารมีดีไม่แพ้ โปรตีน และ วิตามินซีกับเอ กันเลยทีเดียว

สารอาหารที่สายควบคุมคาร์โบไฮเดรตต้องกดไลค์ เพราะสารอาหารชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ และควบคุมน้ำหนัก ซึ่งโปรตีนนั้นหลายคนอาจไม่รู้ว่า โปรตีนที่มีคุณภาพดีจะมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ครบถ้วนต่อร่างกาย ช่วยสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน และสารภูมิคุ้มกันต่างๆ ได้ โดยแหล่งอาหารจากโปรตีนไม่จำเป็นต้องได้รับจากเนื้อสัตว์ ไข่ นม เท่านั้น แต่โปรตีนจากพืช อย่างเช่น ถั่วต่างๆ เมล็ดพืชต่างๆ ก็เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่ดีได้เช่นกัน ทีนี้เราเริ่มรู้จักวิตามินต่างๆ กันมากขึ้นแล้ว ก็อย่าลืมเติมเต็มวิตามินให้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ เพื่อเสริมภูมิคุ้มให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยป้องกันร่างกายให้ปลอดภัยจาก Covid-19 ที่สำคัญนอกจากการรับสารอาหารที่ครบถ้วนแล้วอย่าลืมหมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพออยู่เสมอๆ

โพรไบโอติก และพรีไบโอติก หรือ จุลินทรีย์สุขภาพ นี่ถือว่าเป็น   คำยอดฮิตในกลุ่มคนที่ดูแลสุขภาพ เพราะมีส่วนช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยสารอาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพ                                                                                                                                                    ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในแหล่งอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืช                                                                                                                                                          ข้าวโอ๊ต และหอมหัวใหญ่

       ทีนี้เราเริ่มรู้จักวิตามินต่างๆ กันมากขึ้นแล้ว ก็อย่าลืมเติมเต็มวิตามินให้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ เพื่อเสริมภูมิคุ้มให้กับร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยป้องกันร่างกายให้ปลอดภัยจาก Covid-19 ที่สำคัญนอกจากการรับสารอาหารที่ครบถ้วนแล้วอย่าลืมหมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

 

We Are What We Eat : แข็งแรงทั้งครอบครัว เลือกอาหารให้เหมาะในแต่ละช่วงวัย

   We are what we eat              แข็งแรงทั้งครอบครัว              เลือกอาหารให้เหมาะในแต่ละช่วงวัย

 

 

             กินดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จะกลายเป็นประโยคที่พิเศษกว่าเดิมเพราะ เทรนด์นวัตกรรม ”PERSONALISED FOODS” กำลังมา อาหารตามสั่งที่พิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะคือเทรนด์ที่เริ่มมีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย โดยเราจะมีอาหารมื้อพิเศษสำหรับเราโดยเฉพาะ ซึ่งจะวิเคราะห์จาก DNA ของแต่ละบุคคล ที่จะปฏิวัติโลกของการกินอาหารไปตลอดกาล แต่ก่อนที่จะเริ่มทำความรู้จัก “PERSONALISED FOODS” เรามาเตรียมตัวกันสักเล็กน้อยกับวิธีการ CUSTOMIZED FOODS เลือกอาหารให้เหมาะกับแต่ละช่วงวัยกันไว้รอเลยดีกว่า โดยในวันนี้เราจะมาเลือกอาหารในแต่ละช่วงวัยเพื่อให้เหมาะกับทุกคนในครอบครัว

วัยเด็กก่อนวัยเรียน อายุ 1-5 ปี
เป็นวัยที่ยังไม่สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายมากนัก คุณแม่สามารถแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็กๆ สลับกับของว่างที่มีประโยชน์ เพื่อฝึกฝนให้ลูกน้อยกินผักและผลไม้ โดยอาจจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หรือผสมลงไปในเมนูอาหาร ให้มีสีสันสวยงาม น่ารับประทาน

เด็กวัยเรียน อายุ 6 – 12 ปี
เด็กวัยนี้ร่างกายเริ่มทำงานมากขึ้น ในวัยนี้ควรให้ความสำคัญโดยควรจะรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูง เพื่อการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความเเข็งแรงของกระดูกและฟัน อาจเน้นการบริโภคนม และผลิตภัณฑ์จากนมในทุกมื้ออาหาร เพื่อให้ได้รับโปรตีน และแคลเซียมอย่างเพียงพอ ซึ่งนมที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยนี้ คือ นมครบส่วน หรือนมไขมันเต็มเพราะให้พลังงานที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย และควรเป็นนมรสจืดที่ไม่ปรุงแต่งสีและรสชาติ

วัยรุ่น
วัยนี้สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายมากขึ้น แต่ก็ยังคงต้องดูแลในเรื่องของการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เด็กในวัยนี้มีการเจริญเติบโตของร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยอาจจะต้องเพิ่มอาหารที่มีพลังงานสูง และมีคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน และอีกหนี่งปัญหาสำคัญในวัยรุ่นคือการ “การอดอาหาร” เพราะเป็นช่วงวัยที่ให้ความสำคัญกับรูปร่าง และสัดส่วนของร่างกาย ซึ่งไม่ควรใช้วิธีการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก แต่ควรใช้วิธีการรับประทานอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสมและ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจเลือกทานอาหารที่มีไขมันน้อย น้ำตาลน้อย และดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน

วัยผู้ใหญ่
อาหารสำคัญของคนวัยนี้ควรเลือกอาหารที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักและผลไม้ ข้าว แป้งที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี ได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลต์วีต และธัญพืชต่างๆ รับประทานอาหารที่ให้โปรตีนอย่างเหมาะสม เช่น เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว และสิ่งสำคัญที่สุด คือ การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับส่วนสูงของตนเอง ทั้งนี้ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวันด้วย

ผู้สูงอายุ
วัยนี้จะมีการเสื่อมถอยของร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เน้นอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายและสมอง โดยเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพดี เช่น ไข่ ปลา และเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เสริมสร้างกระดูกด้วยนมและผลิตภัณฑ์จากนม ปลาเล็กปลาน้อย งาดำ เต้าหู้แข็ง ผักใบสีเขียวเข้ม รวมไปถึงผลไม้ และที่สำคัญคือการดื่มน้ำให้เพียงพอ

“การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกช่วงวัยอาจเน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่จำเป็นต่อช่วงวัยนั้นๆ เป็นพิเศษ”  

จะเห็นได้ว่าการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกช่วงวัย อาจเน้นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่จำเป็นต่อช่วงวัยนั้นๆ เป็นพิเศษ
แต่อีกส่วนสำคัญที่ควรคำนึงถึง คือปริมาณของ “โซเดียม” ที่มีอยู่ในอาหารต่างๆ แล้วโซเดียมคืออะไร? มีข้อดีและมีโทษอะไรกับร่างกายบ้าง

โซเดียม คือ เกลือแร่ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เพราะช่วยในการควบคุมสมดุลของน้ำ พร้อมกับดูดซึมสารอาหารและเกลือแร่ในไต ลำไส้เล็ก ช่วยให้เซลล์ประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้เป็นปกติ พร้อมช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยทั่วไปโซเดียมมีอยู่ในอาหารตามธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และเครื่องปรุงรสต่างๆ ควรบริโภคโซเดียมในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย หากมีปริมาณโซเดียมน้อยเกินไป จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย แต่หากบริโภคโซเดียมมากเกินไปจะส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง โรคเบาหวาน โรคอ้วนได้เป็นต้น

ร่างกายของเราต้องการปริมาณโซเดียมแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกาย เพศ และอายุ โดยทั่วไปแล้วสามารถบริโภคโซเดียมสูงสุดโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอยู่ที่ 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปกติคนเราจะได้รับปริมาณโซเดียมจากอาหารธรรมชาติประมาณ 600 – 800 มก./วันอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเราเลือกครื่องปรุงรสที่มีปริมาณโซเดียม ไม่เกิน 700-1,600 มก. จะสามารถช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ และหากเราบริโภคโซเดียมในปริมาณที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ เมื่อสะสมไปนานๆ ในอนาคต โอกาสของการเกิดโรคอย่าง โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจก็อยู่ไม่ไกล เพราะฉะนั้นการปรุงรสเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เราควรคำนึงถึง นอกเหนือจากสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายต้องการในแต่ละช่วงวัยอีกด้วย 

We Are What We Eat : ทานอาหารอย่างไร ให้เพิ่มประสิทธิภาพน้ำนม

  

We Are    What We Eat
ทานอาหารอย่างไร                                ให้เพิ่มประสิทธิภาพน้ำนม

 

        คุณแม่ทุกคนน่าจะพอทราบกันดีว่า  นมแม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย น้ำนมมีสารอาหารที่จำเป็น ย่อยง่าย ที่สำคัญยังช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค และ   ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกอีกด้วย นอกจากนั้น การป้อนนมลูกเป็นเหมือนการสร้างความผูกพันและมอบความรู้สึกปลอดภัยให้กับลูกน้อย หรือพูดง่ายๆ       ก็คือดีต่อกาย ดีต่อใจ ดีต่อสมอง และดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย

        โดยในช่วง 6 เดือนแรกน้ำนมแม่สามารถใช้เป็นอาหารหลักเพียงอย่างเดียวได้เลย และถึงแม้ลูกจะมีอายุเกิน 6 เดือนไปแล้ว นมแม่ก็ยังสามารถเป็นอาหารเสริมที่มีคุณประโยชน์ได้อย่างมหาศาล แต่หนึ่งในปัญหาที่พบเจอได้บ่อยๆ คือน้ำนมคุณแม่มีไม่เพียงพอ ทาง The Selection ขอแนะนำวิธีสังเกตปริมาณน้ำนม สำหรับคุณแม่ดังนี้

      1. สามารถดูได้จากขณะที่ลูกน้อยดูดนมข้างใดข้างหนึ่งจะมีน้ำนมออกจากเต้าอีกข้างด้วย

      2. ดูเวลานอนของลูก หลังจากกินนมอิ่มแล้วถ้าลูกนอนได้ 2-3 ชั่วโมง ในแต่ละมื้อ แสดงว่าน้ำนมคุณแม่เพียงพอสำหรับลูกแล้ว

      3. สังเกตจากน้ำหนักของลูก ควรเพิ่มขึ้นจากการตรวจร่างกาย ตามนัดของแพทย์ในแต่ละครั้ง หากรู้สึกว่าน้ำนมออกน้อยเกินไป ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก คุณแม่ควรปลุกทารกมากินนมบ่อยๆ อย่างน้อย ทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมง เพราะการดูดนมจากลูกน้อยเป็นการกระตุ้นเรียกน้ำนมแม่ที่ดีที่สุด นอกจากนั้น อาหาร-     การกินของคุณแม่ก็มีส่วนสำคัญ

        ตัวช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่ การเลือกอาหารเสริมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพน้ำนมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราแนะนำ โดยคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ และกำลัง  ให้นมน่าจะคุ้นเคยกับน้ำหัวปลีแบรนด์ Mommy Booster กันมาบ้าง เพราะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการรีวิวและพูดถึงในวงกว้าง สามารถช่วยเพิ่มน้ำนมได้    อย่างเห็นผล ปัจจุบัน Mommy Booster ได้พัฒนาไปอีกขั้นโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาเป็นผลงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่า หัวปลีพันธุ์ที่ Mommy Booster เลือกใช้มีสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มน้ำนมมากที่สุด เมื่อเทียบกับหัวปลีพันธุ์อื่นๆ คุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่ดื่มจะได้รับประโยชน์ในการเพิ่มน้ำนมอย่างเต็มที่จากวัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี โดยได้รับความไว้วางใจและผ่านการรีวิวจากเหล่าคุณแม่มาแล้วนับไม่ถ้วน

Mommy Booster

  • น้ำนมเพิ่มขึ้นทันใจ
  • น้ำนมมาไวหลังคลอดเมื่อดื่มบำรุงตั้งแต่ตั้งครรภ์
  • น้ำนมข้นขึ้นอย่างมีคุณภาพ
  • ดื่มแล้วไม่อ้วนเพียง 30Kcal/ขวด
  • คุณแม่เบาหวานทานได้น้ำตาลไม่ขึ้น
  • ปลอดภัย มั่นใจได้ ด้วยกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน GMP/HAACP
  • โปร่งใส ปลอดภัย พร้อมข้อมูลโภชนาการบนผลิตภัณฑ์