Growing Together: Pyramid of happiness พีระมิดแห่งความสุข เคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ

 

 

Pyramid of happiness พีระมิดแห่งความสุข

เคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ

โดย พญ.ถิรพร ตั้งจิตติพร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ศูนย์สุขภาพเด็ก รพ.พญาไท 3

 

          การเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จหรือเป็นไปดั่งใจหมายนั้นใช่เรื่องง่าย พ่อแม่ หลายคนอาจทำเรื่องผิดพลาดในการเลี้ยงดูลูก ทั้งอาจเกิดจากความเครียด จากความ ไม่มั่นใจในวิธีการเลี้ยงดู รวมถึงความคาดหวังต่างๆ ทั้งจากตนเองและคนรอบข้าง แต่เราเชื่อว่าในทุกครอบครัวจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือการมีความรักและความปรารถนาดีที่อยากให้ลูกเป็นคนเก่ง เป็นคนดี และอยู่รอดในสังคม จนบางครั้งอาจทำให้หลงลืมถึงความสุขที่ควราะเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานในชีวิตและการเป็นครอบครัว เป็นรากฐานของการเป็นคนเก่ง และช่วยให้ลูกสามารถเอาตัวรอดได้ในอนาคต 

 

รากฐานความสุขของเด็กๆ

The pyramid of happiness หรือพีรมิดของความสุข
มีรากฐานสำคัญคือความรัก ความปลอดภัย และความสนุกสนาน
เมื่อเด็กๆ มีสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นฐานที่ดีที่ทำให้เด็กๆมีสุขภาพและสมองที่แข็งแรง
มีประสาทสัมผัสที่พร้อมรับการเรียนรู้ การฝึกฝนทักษะต่างๆ ที่สำคัญนอกจากการเรียนหนังสือ

เมื่อเด็กมีรากฐานเหล่านี้ที่เข้มแข็ง ก็จะเกิดความมั่นใจในความสามารถของตนเองในการแก้ไข

และจัดการปัญหาต่างๆ ได้ รู้สึกสนุกสนาน สมองจะมีการตื่นตัว มีการเปิดรับ ทำให้ร่างกายอยู่กับสิ่งนั้นๆ ได้ดีขึ้น

 

แนวทางสู่ความสำเร็จ

สิ่งสำคัญที่เด็กๆ ต้องทำเมื่ออยู่ในวัยเรียน (อายุ 6 ปีขึ้นไป) ก็คือการเรียนให้ได้ผลดี ซึ่งเคล็ดลับความสำเร็จในการเรียนไปจนถึงในเรื่องงาน       เมื่อพวกเขาโตขึ้น นั่นก็คือ หลักอิทธิบาท 4 ซึ่งเมื่อพิจารณาให้ลึกลงไป หลักทางพุทธศาสนาก็สอดคล้องกับ pyramid of happiness หรือพีระมิดแห่งความสุข 

 

 

 

1. การบ้าน คือ “งานของลูก” ไม่ใช่งานของพ่อแม่ ลูกต้องเป็นคนทำ เพื่อทบทวนฝึกความรับผิดชอบฝึกความอดทนเมื่อเจองานยาก           และฝึกการแก้ปัญหา
2. ไม่มีงานที่เพอร์เฟกต์  คือไม่จำเป็นต้องตรวจการบ้านลูกว่าถูกหรือผิด เพราะนั่นเป็นหน้าที่ เป็น “งานของครู” ถ้าเราแก้การบ้านให้ลูก         จนลูกทำถูกหมด จะไม่รู้เลยว่าลูกเข้าใจตรงไหนบ้าง
3. งานหรือหน้าที่ของพ่อแม่มีสองอย่าง คือ

ㆍดูว่าลูกได้ทำการบ้านตามที่ได้รับมอบหมายหรือไม่
ㆍฝึกทักษะอื่นๆ ให้ลูกมี ก่อนที่จะไปโรงเรียน คือ สามารถช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น มีความอดทนพยายาม ความรับผิดชอบ สมาธิ การแก้ปัญหา การผ่อนกลายเมื่อมีความเครียด

 

ศูนย์สุขภาพเด็ก ชั้น 4 รพ.พญาไท 3
โทร. 0-2467-1111 ต่อ 3419 และ 3420

We are what we eat: ชีวิตนี้ ห้ามขาดน้ำ! เช็กสัญญาณเตือนภาวะสูญเสียน้ำในร่างกาย

 

ชีวิตนี้ ห้ามขาดน้ำ! เช็กสัญญาณเตือนภาวะสูญเสียน้ำในร่างกาย  

ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมีน้ำส่วนประกอบมากถึง 60% โดยจะลดลงเหลือประมาณ 45% เมื่ออายุมากขึ้น

ในแต่ละวันคนเราสูญสียน้ำประมาณวันละ 2.5 ลิตร จากการขับเหงื่อ การหายใจและการขับถ่าย โดยผู้ใหญ่จะต้องการน้ำมากกว่าเด็ก

และจะลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น เพศชายจะมีความต้องการน้ำมากกว่าเพศหญิง ดังนั้นเราควรดื่มน้ำให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย

เพราะเพียงแค่การดื่มน้ำน้อยก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำได้เช่นกัน

 

 

ปัสสาวะน้อยลงและสีเข้ม  ปัสสาวะน้อยกว่า 4 ครั้งต่อวัน หรือเพียง 1 ครั้งใน 4-6 ชั่วโมง โดยมีสีเข้มกว่าปกติ  

ความยืดหยุ่นของผิวหนัง  ใช้มือดึงหนังที่บริเวณหลังมือขึ้นมาแล้วปล่อย ถ้าผิวเด้งกลับมาอยู่ที่เดิมใน 2-3 วินาทีถือว่าปกติ

การหมุนเวียนของเลือดบริเวณปลายนิ้ว  บีบปลายนิ้วค้างไว้ 2-3 วินาที  โดยเล็บจะกลายเป็นสีขาวแล้วปล่อยออก เล็บจะกลับมาสีชมพูทันที แต่ถ้าปล่อยแล้วเกิน 3 วินาทียังเป็นสีขาว อาจมีภาวะขาดน้ำ

อาการอื่นๆ กระหายน้ำ ปากแห้งเป็นขุย เวียนหัวง่าย ไม่สดชื่น อ่อนเพลีย ท้องผูก

 

 

 

 

Trick ง่ายๆ ดูแลตัวเองไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ 

• หลีกเลี่ยงช่วงเวลาแดดจัด ช่วง 10.00 – 15.00 น. ร่างกายจะสูญเสียน้ำในปริมาณมากอย่างรวดเร็ว และทำให้เป็นลมแดดได้
• สวมเสื้อผ้าระบายอากาศและจิบน้ำระหว่างออกกำลังกาย ดื่มน้ำ 1 ขวดเล็ก ก่อนออกกำลัง 30 นาที และระหว่างออกกำลังกายทุกๆ 30 นาที
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน มีผลให้หลอดเลือดขยายตัว ร่างกายขับน้ำออกเร็วขึ้น
• เลือกกินผักและผลไม้ที่มีน้ำเยอะ รสชาติหวานน้อย เช่น แตงกวา มะเขือเทศ บวบ แตงโม มะละกอ คะน้า สตรอว์เบอร์รี

 

         ภาวะขาดน้ำ เกิดขึ้นได้ง่ายโดยเฉพาะช่วงที่มีอุณภูมิสูง อากาศร้อน ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันจึงเป็นสิ่งจำเป็น ภาวะขาดน้ำมักจะสัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็จะมีการดึงน้ำออกจากเซลล์เพื่อลดระดับน้ำตาล หากมีภาวะขาดน้ำในระดับรุนแรง ร่างกายจะสูญเสียน้ำจากทั้งหลอดเลือดและเซลล์ต่างๆ มีความเสี่ยงต่อชีวิต จึงควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วนเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เลือกน้ำดื่มให้เป็นช่วยยืดอายุ: น้ำเปล่า น้ำแร่ น้ำด่าง เลือกดื่มให้เหมาะกับสุขภาพ

 

 น้ำเปล่า

หรือน้ำดื่มทั่วไป ผ่านการกรองให้สะอาดด้วยระบบต่างๆ เช่น ระบบ UV, ระบบ RO หรือระบบ Ozone

น้ำเปล่าไม่มีสารอาหาร แต่ช่วยการดูดซึมและละลายสารอาหาร รวมถึงช่วยให้ขับถ่ายได้ดี

 

น้ำแร่

น้ำจากแหล่งกักเก็บใต้ดินตามธรรมชาติและน้ำพุแร่ มีแร่ธาตุที่สูงกว่าน้ำดื่มทั่วไป เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี

อาจมีรสชาติแตกต่างกัน มีคุณสมบัติ ช่วยลดกรดในกระเพาะ

แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิต โรคไต หญิงตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี

 

น้ำด่างหรือน้ำอัลคาไลน์

มีสภาพความเป็นด่างอ่อนๆ ที่มีค่า pH อยู่ในช่วง 7.2 – 9.0 ช่วยกำจัดของเสียในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเรสเตอรอลในเลือด ชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุน ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต มีภาวะเหนื่อยง่ายหรือบวมน้ำ

_________________________

 

 

 เติมความสดชื่น ชดเชยน้ำ จากการออกกำลังกาย

เกลือแร่ คือ แร่ธาตุที่ช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำและแร่ธาตุต่างๆ

โดยในแต่ละวันเราต้องการเกลือแร่ปริมาณเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายทำงานอย่างปกติ

เกลือแร่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ตามความต้องการของร่างกาย

 

 

เกลือแร่สำหรับผู้ที่สูญเสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย Oral Rehydration Therapy (ORT)

มีปริมาณน้ำตาล (กลูโคส) เป็นหลัก ชดเชยการสูญเสียน้ำ ช่วยเติมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด มักอยู่ในรูปแบบเครื่องดื่มบรรจุขวด

ไม่แนะนำให้ดื่มหากไม่ได้ออกกำลังกาย เพราะอาจเกิดภาวะอ้วนหรือน้ำตาลในเลือดสูง และห้ามให้ผู้ป่วยท้องเสียดื่ม

เพราะไม่สามารถทดแทนกันได้ และจะทำให้ลำไส้บีบตัว ส่งผลให้ท้องเสียมากขึ้น

 

เกลือแร่สำหรับผู้ป่วยท้องเสีย Oral Rehydration Salt (ORS)

มีโซเดียมเป็นส่วนประกอบหลัก มักอยู่ในรูปแบบผงบรรจุซอง เพื่อนำไปละลายน้ำแล้วดื่ม ควรจิบอย่างช้าๆ ดื่มให้หมดใน 1 วัน

ไม่ควรผสมกับนมหรือน้ำผลไม้ เพราะทำให้สัดส่วนเจือจาง และไม่แนะนำให้ผู้ป่วยท้องเสียรุนแรงดื่ม

เพราะอาจเกิดภาวะขาดน้ำ ควรรีบพบแพทย์ทันที

Love YourSelf : ดูดวงสุขภาพแบบแม่นเป๊ะ! แนะเทคนิคอ่านค่าบนเครื่องชั่งน้ำหนัก

ดูดวงสุขภาพแบบแม่นเป๊ะ! แนะเทคนิคอ่านค่าบนเครื่องชั่งน้ำหนัก

          น้ำหนักตัวเป็นสิ่งบ่งบอกได้ถึงการสภาวะร่างกายของเราในปัจจุบัน การชั่งน้ำหนักจะช่วยให้สามารถวางแผนการดูแลสุขภาพ

ในสเต็ปต่อไปได้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ออกกำลังกายหรือควบคุมน้ำหนัก เมื่อเราก้าวเท้าขึ้นบนเครื่องชั่ง มีคนไม่มากก็น้อยที่คาดหวังว่า

น้ำหนักจะอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือมีน้ำหนักตัวน้อยลงจากการเพียรพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

The Selection ขอเสนอเทคนิคการอ่านค่าต่างๆ บนเครื่องชั่งน้ำหนัก มาดูกันเลย!

คนแต่ละวัย ควรมีมวลไขมันเท่าไหร่?

พุงของคุณอยู่ระดับไหน? ดูได้จากไขมันในช่องท้อง

เช็กความฟิต! มวลกล้ามเนื้อสักหน่อย

มวลน้ำในร่างกายก็สำคัญนะ!

คนทั่วไปที่สุขภาพดี ควรมีเปอร์เซ็นต์น้ำในร่างกาย (Total Body Water % หรือ TBW %) ดังนี้

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • บทความ “ดัชนีมวลกาย สำคัญอย่างไร” เว็บไซต์ si.mahidol.ac.th
  • When Is the Best Time to Weigh Yourself and Why? by Scott Frothingham
  • When and how to measure weight accurately at home by Jenna Fletcher
  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI)ของประชากรเอเชีย ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก

Love Kids : “เด็กอ้วน” น่าห่วงมากกว่าน่ารัก

 

 

เด็กอ้วนจ่ำม่ำ น่ารัก น่าเอ็นดู แก้มยุ้ยสีแดง ขนาดแขนเป็นปล้องๆ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าน่าจะเป็นเด็กที่สมบูรณ์แข็งแรง

ประกอบกับความหวังดีของพ่อแม่ที่ชอบให้กินเยอะๆ จะได้ไม่หิว จริงๆ แล้ว หากไม่คำนึงถึงความพอดีของการกิน

บวกกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเด็กเอง ก็ยิ่งมีความเสี่ยงเป็น โรคอ้วนได้ง่ายๆ 

 

ลูกถูกล้อเลียนว่าอ้วน ต้องทำยังไงดี?
พ่อแม่ให้กำลังใจลูกได้ดีที่สุด เปิดใจรับฟังสิ่งที่ลูกเจอ และบอกว่าการถูกคนอื่นล้อเลียนไม่ใช่เรื่องน่าอาย       และไม่ได้เป็นเรื่องผิด ควรสร้างความมั่นใจให้กับลูก มองให้เห็นคุณค่าและข้อดีในตนเอง คิดถึงเรื่องราวดีๆ      ที่เคยทำ ลูกเป็นคนเก่งที่พ่อแม่ภูมิใจที่สุด และควรคุยกับลูกถึงวิธีจัดการเมื่อถูกล้อเลียน แนะนำว่า              ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า บอกกล่าวตักเตือนว่าไม่ชอบ หากเพื่อนยังไม่ยอมหยุด ให้แจ้งครูหรือพ่อแม่    ช่วยจัดการ 

Note: พ่อแม่สร้างวินัยละพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ดีและมีประโยชน์ได้ ลองชวนลูกทำอาหารด้วยกันเลือกเมนูที่ลูกชื่นชอบ เพื่อปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่ออาหาร ทำให้รู้สึกว่าการกินผัก-ผลไม้เป็นเรื่องสนุกสนาน เมื่อลูกลดน้ำหนักและปรับการกินได้ ควรให้คำชมเชยและให้กำลังใจ

 

 
 
 
โรคอ้วนรักษาได้ ไม่ต้องใช้ยา
แพทย์และผู้เชี่ยวชาญจะวินิจฉัยโดยพิจารณาจากการวัดน้ำหนักตามเกณฑ์ส่วนสูงของเด็ก และประเมินภาวะสุขภาพร่วมด้วย เพื่อดูว่าเด็กเป็นโรคอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกิน และจะทำการรักษาด้วยการแนะนำอาหาร      ที่เหมาะสม กิจกรรมที่ควรทำ และวิธีควบคุมน้ำหนัก โดยจะติดตามทุก 2-6 เดือนแล้วแต่กรณี
 
 
 
 
 
ทางรอด หนีโรคอ้วนในเด็ก
• เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ตั้งแต่เกิดถึง 6 เดือน เพราะนมแม่มีสารอาหารที่เหมาะสมและครบถ้วนตามวัย
• คุมน้ำหนักได้ ไม่ต้องอด กินแต่พอดี ไม่อิ่มเกินไป ไม่อดมื้อเช้า เพิ่มผักกากใย ลดแป้ง-หวาน-มัน-ทอด ขนมขบเคี้ยว
• ชวนลูกเล่น = ไม่เป็นเด็กอ้วน พาไปทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30-60 นาที ช่วยเสริมสร้างการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในเด็ก 

 

 

 

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • เรื่อง “เด็กไทยกับนิสัยการกิน” คอลัมน์หน้าต่างวิจัย นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288
  • แนวทางเวชปฏิบัติการป้องกันและรักษาโรคอ้วนในเด็ก พ.ศ. 2557 ชมรมโภชนาการเด็กแห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
  • บทความ โรคอ้วนในเด็ก เว็บไซต์ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก

Love Family: สูตร 10-20-30 เซ็ตเวลาคุณภาพต้อนรับปิดเทอม เพิ่มความสุขทั้งครอบครัว

ช่วงปิดเทอมใหญ่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กๆ เพราะจะได้ผ่อนคลายจากการเรียนมาตลอดหลายเดือน

และนี่คือโอกาสในการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ใหม่ ที่มากกว่าการอยู่บ้านดูการ์ตูน หรือนั่งเล่นเกมบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

The Selection ฉบับนี้ ขอแนะนำแนวทางเสริมสร้างทักษะให้กับเด็กๆ ได้ปลดปล่อยจินตนาการ

เติมเต็มความฝันและความคิดสร้างสรรค์  มีเรื่องไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังในช่วงเปิดเทอมขึ้นชั้นเรียนใหม่

การทำกิจกรรมหรือการชวนลูกเล่น ไม่ว่าจะเป็นภายในบ้านหรือนอกบ้าน ก็เป็นตัวช่วยกระตุ้นพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี  อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ครอบครัวได้ใช้เวลาคุณภาพ เกิดความอบอุ่นภายในครอบครัว พ่อแม่ลูกมีความผูกพันจากประสบการณ์ที่ทำร่วมกัน การไปเที่ยวและเรียนรู้นอกบ้าน ทำให้ได้พบเจอสถานที่ใหม่ๆ การพบปะเด็กจากครอบครัวอื่นและได้พูดคุย มีปฏิสัมพันธ์ สื่อสารด้วยการเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน จะช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกการเข้าสังคม เรียนรู้การปรับตัวอย่างเป็นธรรมชาติ  รู้จักการรอคอย แบ่งปัน สร้างกติการ่วมกัน ที่สำคัญคือ สร้างภูมิคุ้มกันทางกายและมีสุขภาพที่แข็งแรง รู้อย่างนี้แล้ว อย่ารอช้า รีบไปหากิจกรรมสนุกๆ ทำกันเถอะ!

 Note: องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า เด็กควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง-หนัก (เคลื่อนไหวต่อเนื่อง ชีพจรเต้น 120-150 ครั้ง) อย่างน้อย 60 นาทีทุกวัน

ช่วงปิดเทอมใหญ่เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กๆ

Love Everyone: กินผักผลไม้ดี สุขภาพดีทั้งบ้าน

       ใครที่กำลังมองหาแนวทางการกินผักและผลไม้  โดยเฉพาะคนที่ใส่ใจสุขภาพ สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์คือ ให้ทุกมื้อ มีผักและผลไม้ เป็นหนึ่งในอาหารหลัก  ผักทุกชนิดนั้นเราสามารถนำมาล้างให้สะอาดและกินสดๆ ได้เลย หรือจะนำมาปรุงในรูปแบบของการต้ม ลวก นึ่ง ฯลฯก็ได้ตามชอบเช่นกัน

“คนไทยเกินกว่า 60 % ถือว่ากินผักและผลไม้ในปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์

ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ 400 กรัมต่อวัน” 

          ส่วนใหญ่หันไปเลือกซื้ออาหารแปรรูปมากขึ้น เพราะหาได้ง่าย มีให้เลือกหลากหลายและราคาไม่แพง  ในช่วงการระบาดของโรคไวรัส COVID-19    ในประเทศไทย มีการศึกษาพบว่า คนไทยกินผักและผลไม้ลดลง 8.3% และ 10.5% ตามลำดับ ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรค โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

            The Selection ขอแนะวิธีการกินผักและผลไม้ให้ได้คุณค่าทางสารอาหารสูงสุด ไม่ใช่กินแค่เป็นเครื่องเคียงกับอาหารหลัก แต่ควรกินผัก  และผลไม้ให้หลากสีหลากชนิด เพราะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน

กินผักผลไม้ให้หลากหลายได้สารอาหารครบ แบ่งโทนสีเป็น 5 กลุ่มหลักๆ คือ

สีแดง, สีเหลือง-ส้ม, สีน้ำเงิน-ม่วง, สีเขียว และสีขาว ซึ่งสีที่อยู่ในผักผลไม้ นอกจากจะให้ความสวยงาม น่ากินแล้ว

แต่ละสียังมีคุณค่าทางสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายต่างกันด้วยนะ

 

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • รายงานโครงการศึกษาสถานการณ์การบริโภคผักและผลไม้ของคนไทย (ระดับประเทศ) โดย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล
  • โครงการกินผักผลไม้ดี 400 กรัม สนับสนุนโดย สสส.
  • แจกสูตร 5 น้ำผักรสชาติดี อร่อย มีประโยชน์มาก by Sale Here
  • Healthy diet (For Adults) by World Health Organization
  • Eating the Rainbow — Is It Useful and Should You Try It? By healthline.com

Love My Pet: เครียด-เหงา-เศร้า ให้สัตว์เลี้ยงช่วยฮีลหัวใจได้นะ!


เครียด-เหงา-เศร้า ให้สัตว์เลี้ยงช่วยฮีลหัวใจได้นะ!

     การเลือกตัดสินใจรับสัตว์มาเลี้ยงเข้ามาเป็นสมาชิกของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์ชนิดอื่นๆ เพียงแค่ได้ทักทาย นั่งเล่นด้วยกัน แม้ต้องเจอเรื่องเหนื่อยล้า เผชิญกับความเครียดมามากมายเท่าใด การมีสัตว์เลี้ยงอยู่เคียงข้างก็ช่วยให้ผู้เลี้ยงรู้สึกดีขึ้นได้

เพิ่มความสุข มีอารมณ์ดี ลดความเครียด

การสัมผัสและกอดสัตว์เลี้ยงจะช่วยลดระดับฮอร์โมน Cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเมื่อเกิดความเครียด และกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน Dopamine และ Oxytocin ซึ่งช่วยให้ปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย  มีผลการศึกษาและวิจัยจาก Washington State University พบว่า  เด็กที่อยู่กับสัตว์เลี้ยงเพียง 10 นาที ร่างกายจะลดการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล Cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ตอบสนองความเครียดได้

คลายความเหงา บรรเทาความทุกข์ในจิตใจ

ความน่ารักของสัตว์เลี้ยง ช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้น จากที่เคยนั่งเหงาๆ ซึมเศร้า    ยิ่งบางตัว มีความเป็นมิตร ขี้อ้อน ร่าเริงตลอดเวลาที่อยู่กับเจ้าของ ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศในบ้านให้น่าอยู่มากขึ้น ช่วยกล่อมเกลาให้มีจิตใจอ่อนโยน ไม่รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว           อีกต่อไป จากการศึกษาด้วยเกณฑ์การทดสอบความเหงาของ  University of California, Los Angeles Loneliness scale ในนักศึกษาหญิงระดับวิทยาลัย จำนวน 148 คน           พบว่าการเลี้ยงสัตว์ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจ และลดความรู้สึกโดดเดี่ยวลงได้

 

 

ช่วยพัฒนาสมอง การใช้ความคิด และการออกกำลังกาย

การเลี้ยงสัตว์ไม่ใช่เพียงแค่การให้อาหาร แต่ยังต้องคอยดูแลในด้านอื่นๆ หากมีผู้สูงอายุอยู่ที่บ้านด้วยแล้ว นอกจากจะทำให้เค้าจะรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาจากการมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนแล้ว ยังมีข้อดีอีก คือ ช่วยเพิ่มความจำ พัฒนาการใช้ความคิดจากเพิ่มกิจกรรมให้ผู้สูงวัยได้มีงานอดิเรก  เช่น ช่วงเย็นพาน้องหมาไปเดินเล่น ได้ออกจากบ้านไปยืดเส้นยืดสายบ้าง ก็จะช่วยเรื่องการออกกำลังกาย ได้บริหารร่างกายจากการเดิน หรือจะเป็นการพาไปอาบน้ำ ตัดขน แต่งตัวให้สัตว์เลี้ยง ช่วยทำให้รู้สึกมีคุณค่าในตนเองและการใช้ชีวิตประจำวันหลังเกษียณ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

สร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัว พบปะสังคมใหม่ๆ

น้องหมา น้องแมว สัตว์เลี้ยงแสนรักภายในบ้าน ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัวให้อบอุ่น  ขึ้นได้ ครอบครัวมีเวลาคุณภาพ ได้ดูแลและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น การเล่นกับสัตว์เลี้ยงร่วมกัน พาไปเที่ยวนอกบ้านด้วยกัน สร้างความสุขให้ทั้งคนในครอบครัวและตัวสัตว์เลี้ยงเอง นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้ได้พบสังคมใหม่ๆ เช่น การถ่ายภาพลงในโซเชียลมีเดีย อวดความน่ารักของสัตว์เลี้ยงในบ้าน เพิ่มประสบการณ์        แลกเปลี่ยนเคล็ดลับจากกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงได้เช่นเดียวกัน

               สัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา แม้จะไม่สามารถสื่อสารเป็นคำพูดให้เราเข้าใจ แต่สามารถเรียนรู้และสื่อสารเป็นภาษากายให้เรารับรู้ความรู้สึกได้    ในยามที่เรามีความทุกข์หรือรู้สึกเศร้า สัตว์เลี้ยงมีสัญชาตญาณจับความผิดปกติทางอารมณ์ได้เหมือนอ่านใจ เมื่อใดที่เรารู้สึกไม่สบายใจลองไปเล่นกับเค้า กอดหรือสัมผัสตัวเบาๆ ก็จะช่วยเยียวยาจิตใจให้กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง

เรียบเรียงข้อมูลจาก

  • Pets and Loneliness: Examining the Efficacy of a Popular Measurement Instrument by Andrew Gilbey and Kawtar Tani
  • “Study demonstrates stress reduction benefits from petting dogs, cats” https:// news.cahnrs.wsu.edu
  • บทความ “ผู้สูงวัย กับสัตว์เลี้ยง” เว็บไซต์ รพ.เปาโล พหลโยธิน
  • บทความ “พลังงานบวกและประโยชน์ดี ๆ จากการมีสัตว์เลี้ยง” เว็บไซต์ sanook.com
  • บทความ “สัตว์เลี้ยงบำบัด (Pets Therapy)” เว็บไซต์กรมสุขภาพจิต

Trend Update : Health Trends Coming Into Focus in 2023 เน้นเสริมสร้างสุขภาพจิต-ฟิตร่างกายให้แข็งแรง

 

TREND UPDATE:  Health Trends Coming Into Focus in 2023 
เน้นเสริมสร้างสุขภาพจิต-ฟิตร่างกายให้แข็งแรง

 

ในช่วงที่ผ่านมา หลายคนเริ่มหันมาใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพจิตมากขึ้น โดยเฉพาะในวัยทำงาน

เป็นวัยที่มักเจอกับความกดดันในหน้าที่ความรับผิดชอบต่าง ๆ การหาความสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิต อาจทำให้คนในกลุ่มที่ไม่ได้ป่วย อาจเกิดปัญหาความเครียด ความวิตกกังวล มีความไม่สบายใจ

หรือรู้สึกเศร้าหมองใจ จนกลายเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตได้ หาไม่ดูแลให้ดี ก็จะส่งผลกระทบทั้งกายและใจ

การดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เป็นเทรนด์น่าจับตามองในปี 2023 อาจเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของคุณได้

 

Body Clock of the Human

หรือนาฬิกาชีวิต การกำหนดเวลานอน เป็นวิธีหนึ่งในการปรับสมดุลนาฬิกาชีวิต  ซึ่งอวัยวะภายในร่างกายถูกควบคุมด้วยสมอง สั่งการให้ระบบต่างๆ ทำงานตามหน้าที่ อาทิ การตื่น การนอนหลับ การหลั่งฮอร์โมน การเผาผลาญ ฯลฯ ดังนั้น จึงควรจะหลับสนิทในความมืดก่อนเที่ยงคืนหรือนอนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับแต่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายเพื่อให้หลับง่าย วิธีนี้จะทำให้ร่างกายเสริมสร้างการผลิตฮอร์โมนที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคและต่อต้านความแก่ชราได้อย่างเต็มที่ ส่งผลต่อพฤติกรรมและการควบคุมอารมณ์อีกด้วย

Mental Health & Wellness Workplace

การทำงานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่เรียกได้ว่า เราใช้เวลามากที่สุดถึง 8 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น และไม่อาจหลีกเลี่ยงความเครียดและความกังวลต่างๆ จากงานได้ ลองหากิจกรรมทำระหว่างช่วงที่พัก เช่น การออกไปเดินเล่นข้างนอกเปลี่ยนบรรยากาศ ดูต้นไม้สีเขียวๆ พักสายตา หรือแชร์เรื่องราวดีๆ ให้กับเพื่อนร่วมงาน เชื่อว่าทุกคนจะผ่อนคลายหายเครียดและรู้สึกดีขึ้นแน่นอน

Healing Power of Meditation

ในแต่ละวันเราพบกับเรื่องราวมากมาย ไม่แปลกที่การจัดการความยุ่งเหยิงในจิตใจเป็นสิ่งที่ยาก การนั่งสมาธิ ลองแบ่งเวลาสัก 10-15 นาทีต่อวัน นั่งสมาธิ อาจจะเป็นช่วงเวลาพัก  หรือช่วงก่อนนอน จะช่วยทำให้เราจดจ่อกับปัจจุบัน ไม่นึกถึงอดีตด้วยความเศร้าหมอง ไม่คาดหวังกับอนาคตมากจนเกินไป ใส่ใจกับการทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ช่วยบริหารสมองให้เรารู้เท่าทันอารมณ์และเลือกที่จะตอบสนองและรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่ต้องเผชิญได้อย่างเหมาะสม        

Movement Snacks

เป็นวิธีเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกกำลังกายแบบสั้นๆ ประมาณ 10-15 นาที โดยคำนึงถึงความสะดวกของสภาพแวดล้อมรอบตัว เช่น การนั่งบนรถ นั่งทำงาน การอยู่ในชั่วโมงที่เร่งรีบ แนวคิดนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับคนในยุคปัจจุบันที่มีความเร่งรีบ แต่ต้องการยืดเส้นยืดสาย คลายความปวดเมื่อย  เช่น เดินไปทำงานหรือเดินข้ามระหว่างตึกในระยะสั้นๆ, การวิ่งขึ้น-ลงบันไดเบาๆ  หรือหากมีพื้นที่ให้สามารถออกกำลังกายง่ายๆ อย่างกระโดดสลับขา ทำท่าพิงกำแพง ก็ลองทำดู หากทำเป็นประจำก็ช่วยเสริมสร้างการเคลื่อนไหวของร่างกายได้เหมือนกัน

Low-Impact Workouts

การออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องลงแรง ทุ่มน้ำหนักเสมอไป การออกกำลังกายแบบลดแรงกระแทก ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก หรือมีปัญหาเข่า ข้อกระดูก และลดการบาดเจ็บได้ แนะนำให้เริ่มง่ายๆ ด้วยวิธีการเดินเบาๆ วันละ 10 นาที เมื่อร่างกายคุ้นชินค่อยปรับเวลาขึ้นเรื่อยๆ หรือการว่ายน้ำ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีแรงกระแทกน้อยที่สุด  แต่ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ข้อกระดูกและเพิ่มการสูบฉีดเลือดได้ดีมากอีกวิธีหนึ่ง

Health & Fitness Apps

ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบ Social Distancing มาระยะหนึ่ง คนเข้าฟิตเนสน้อยลง ผู้คนจึงหันมาออกกำลังกายโดยใช้ Applications ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยสร้างแรงจูงใจการออกกำลังกายในทุกๆ วัน พร้อมติดตามข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคล  ข้อดีคือ สามารถจัดโปรแกรมได้เฉพาะบุคคลตามเวลาที่เราสะดวก รู้ข้อมูลส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น ปริมาณไขมัน อัตราการเต้นของหัวใจ คุณภาพการนอนหลับ พฤติกรรมการกินได้ด้วย เปรียบเสมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัวอยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมง

Plant-Based Food

ความอร่อยแบบไร้เนื้อ ผลิตภัณฑ์อาหารจากพืชที่ให้โปรตีนสูง เช่น ถั่ว, เห็ด, สาหร่าย, ข้าวโอ๊ต, อัลมอนด์, ธัญพืช  ฯลฯ  วัตถุดิบเหล่านี้สร้างเป็นอาหารเลียนแบบเนื้อสัตว์ อย่างเนื้อวัว เนื้อหมู ที่ให้รส รูป กลิ่น ใกล้เคียงเนื้อสัตว์  ทางเลือกของผู้บริโภคในการทานอาหารเพื่อสุขภาพ เจาะกลุ่มคนที่อยากกินเพื่อเปลี่ยนตัวเอง และกินเพื่อเปลี่ยนโลก เพราะช่วยลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตอาหาร เชื่อได้ว่าในอนาคตอาจกลายเป็น Mega Trend ได้ในไม่ช้า

             

เทรนด์สุขภาพแนวใหม่ในปี 2023 นี้ ลองปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ เริ่มต้นจากการทำทีละเล็กละน้อย

ค่อยๆ สั่งสมไปสู่การมีสุขภาพกายที่สมบูรณ์ จิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

คือเป้าหมายของการมีอายุที่ยืนยาว

 

เรียบเรียงข้อมูลจาก

บทความ “2023 Wellness Trends We’re Watching”  by Lexy Parsons

บทความ “นาฬิกาชีวิต (Body Clock)” เว็บไซต์กรมสุขภาพจิต

บทความ “วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักแบบ Low Impact” เว็บไซต์ Kapook